วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อุตตริมนุสสธรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ตอน สมเด็จห้ามลมฝน


สมเด็จห้ามลมฝน
คราวหนึ่งที่วัดระฆังมีงานวัด ลมฝนพัดมาแรง สมเด็จออกมาหน้าวัด ให้เอาโอมาจุดเทียนติดเข้าที่โอ แล้วลอยน้ำไปในแม่น้ำ สั่งว่าให้คอยดูแสงเทียนว่าจะดับหรือไม่  ผู้คนก็เฝ้าดูเทียนที่จุดติดไว้ในโอ เห็นลอยน้ำไปจนสุดสายตา ไม่ดับลงเลย ลมฝนก็เบาลง ไม่เกิดลมและเกิดพายุในงานนั้น
นี่คือตัวอย่าง
ที่วัดบางกะพ้อม เวลามีงานวัด หลวงพ่อคง ธัมมโชโต เจ้าอาวาสซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง จะให้เอาธงไปปักไว้บนยอดไม้สูงๆ ในวัด ฝนก็ไม่ตกลงมา นี่คือตัวอย่างการห้ามฝนของพระเกจิอาจารย์ ไม่ใช่มีแต่สมเด็จพระพุฒาจารย์โตเท่านั้น

(โปรดติดตามต่อไป)

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อุตตริมนุสสธรรม ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ตอน อิทธิฤทธิ์สมเด็จโต

อิทธิฤทธิ์สมเด็จโต
สมเด็จโต ท่านสำแดงอิทธิฤทธิ์เบาๆ เงียบๆ มานาน จะขอกล่าวตัวอย่างสักสองสามคราว คือ  เรื่องแรก ท่านไปในกิจนิมนต์ของชาวมอญปากเกร็ด เมืองนนท์ ขากลับมาท่านซื้อหม้อเมืองนนท์ บรรทุกใส่เรือจ้างมามาก คนถามว่าจะซื้อหม้อไปทำไมมากมายนัก ท่านตอบว่าจะซื้อหม้อไปแจกพวกบางกอก ระหว่างทางสวนทางเรือใคร ท่านก็เอาหม้อแจกเรื่อยมาจนถึงหน้าวัดระฆัง คนเล่นหวยก็เลื่องลือกันใหญ่ว่าสมเด็จใบ้หวย เอาไปซื้อหวยตัว ม.ม้าหันหุน ปรากฏว่าถูกหวยรวยกันไปหลายคน
เรื่องที่สอง เมื่อคราวท่านไปบวชนาคชื่อตรุษ ที่วัดสระเกศ (คือโยมบิดาของสมเด็จพระสังฆราชอยู่ ในเวลาต่อมา) เขาออกมารับท่านให้นั่งแคร่กางสัปทน เวลานั้นฝนตกลมพัด ทำให้สัปทนที่กางอยู่นั้นหมุนไปตามแรงลม  ท่านลุกขึ้นนั่งยองๆ หมุนตัวไปตามสัปทน คนเห็นเข้าก็รู้ว่าสมเด็จแผลงฤทธิ์อีกแล้ว จึงไปแทงหวยตัว ม.ม้า หันหุน กันใหญ่ ปรากฏว่าหวยออกตัวนั้นอีกหน
เรื่องที่สาม ที่ท่าน้ำหน้าวัดระฆัง มีสาวชาวเรือมาขายขนมจีน ท่านไปนั่งซื้อขนมจีน นั่งฉันที่ท่าน้ำนั้น ซึ่งปกติท่านไม่เคยทำมาก่อน  พอฉันจานแรกหมด ท่านสั่งมาฉันอีกจานหนึ่ง พอจะให้สตางค์ค่าขนมจีน แม่ค้าใจดี บอกอีฉันถวาย  ท่านก็พูดย้ำว่า สองจานนะจ๊ะ สองจานนะจ๊ะ  แม่ค้าคนนั้นเอาไปซื้อหวย จ.จาน ถูกพร้อมกับญาติอีกหลายคน
เรื่องที่สี่ คราวหนึ่งไปเทศน์ในวัง พระจอมเกล้าฯ ทรงถามว่า “ไง ขรัวโต เดี๋ยวนี้หากินทางบอกใบ้ให้หวยแล้วหรือ” ท่านทูลทันทีว่า “มหาบพิตร อาตมาไม่เคยบอกว่า วันนี้หวยออก ตัว ด.กวางเหม็ง วันนี้หวยออกตัว ด.กวางเหม็ง อย่างนี้เลย...” วันนั้นนางสนมกำนัลใน เล่นหวยตัว ด.กวางเหม็ง รวยกันไปหลายคน
การบอกใบ้ให้หวยนี้ คือสำแดงฤทธิ์ให้รู้ว่า ท่านได้ทิพยจักษุ และเห็นได้ในที่ลับลี้ ห่างไกล เป็นการแสดงฤทธิ์อย่างเบาๆ เท่านั้น

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อุตตริมนุสสธรรม ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ตอน อิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์

อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือ อานุภาพของพระสมเด็จนี้มีมากมาย มีผู้เล่าด้วยปาก มีผู้เขียนไว้เป็นหลักฐานมากมาย เรียกกันว่า พระเบญจภาคี  คือพระสมเด็จ พระนางพญา พระรอด พระผงสุพรรณ พระซุ้มกอ ๕ องค์นี้ นักเล่นพระเครื่องนับถือกันมานานแล้วว่า เบญจภาคี  มีพระสมเด็จเป็นยอดพระในจำนวนพระเครื่อง ๕ ชนิดนี้  บางท่านใช้คำว่า ราชาพระเครื่อง หรือบางท่านใช้คำว่า จักรพรรดิพระเครื่อง
คำว่าอิทธิฤทธิ์ แปลว่า ฤทธิ์เดช  อิทธิ ภาษาบาลี ตรงกับคำว่า ฤทธิ์ในภาษาสันสกฤต ปาฏิหาริย์ แปลว่า สำแดงออกมาจากภายใน  หมายถึงฤทธิ์ทางจิตของท่านผู้ได้ฌานสมาบัติ ย่อมสำแดงฤทธิ์ได้ ทำพระเครื่องให้มีอิทธิฤทธิ์ได้เหมือนอัดเทปไว้ เปิดออก มีเสียง  พระเครื่องรางของขลังที่ท่านผู้สำเร็จฌานสมาบัติชั้นจตุตถฌาน ย่อมสำแดงฤทธิ์ได้ เรียกว่าอิทธิวิธี  เรื่องพระพุทธเจ้าก็สำแดงฤทธิ์ได้มากมาย พระสาวกก็สำแดงฤทธิ์ได้ เพียงแต่ทรงห้ามไว้มิให้สำแดงอวดแก่อนุสัมบัน  อนุสัมบัน คือคนที่ไม่ได้บวช แปลว่า ห้ามสำแดงฤทธิ์อวดฆราวาส ส่วนพระด้วยกันนั้นไม่ห้าม เพราะย่อมทราบว่าสมณชีพราหมณ์ผู้สำเร็จฌานสมาบัตินั้นสำแดงฤทธิ์ได้จริง คนที่ไม่เชื่อเสียอีกท่านยังปรับเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่รู้ธรรมที่เป็นจริง มีโทษห้ามสวรรค์นิพพาน พระฝ่ายอรัญญวาสี หรือพระฝ่ายถือธุดงควัตร ท่านสำแดงฤทธิ์ได้เกือบทุกองค์  สมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านจึงสำแดงฤทธิ์ได้ สำแดงบ่อยๆ อย่างการบอกใบ้ให้หวยนี่คือการสำแดงฤทธิ์ขั้นต้นว่าท่านมีตาทิพย์มองเห็นเลขหวยหรือตัวหวยได้ แต่ท่านไม่อวด ท่านเพียงแต่สำแดงอาการว่าท่านรู้ท่านเห็นได้  พระภิกษุในปัจจุบันนี้ ท่านก็สำแดงได้ ไม่ใช่องค์เดียว มีมากองค์ มีทั่วไป ในสมัยก่อนสมัยสมเด็จนั้นมีมากองค์ ท่านจดชื่อไว้หลายองค์ ท่านใช้คำว่าสำเร็จฌานโสฬส (รู้ธรรม ๑๖ ประการ) ที่ท่านจดชื่อไว้คือ
๑.   สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดระฆังโฆสิตาราม
๒.   สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศ
๓.   พระธรรมกิตติ วัดรังสีสุทธาวาส (รวมกับวัดบวรแล้ว)
๔.  พระจันโทปมาคุณมุนี วัดมกุฏกษัตริยาราม
๕.  ขรัวคลุมโปง วัดดีดวด
๖.   ขรัวแก่ วัดโคกขาม (วัดน้อยนพคุณ)
๗.  ขรัวเขียว วัดละมุด ข้างสะพานพระราม ๖
๘.  อาจารย์เตา วัดแคนางเลิ้ง
๙.  อาจารย์เหม วัดเทพากร บางพลู
๑๐.          อาจารย์โพธิ วัดเทพนารี
๑๑.         ขรัวจาด สัพพัญญู วัดภาณุรังสี

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อุตตริมนุสสธรรม ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต ) ตอน สมเด็จนั่งเรือจ้าง

สมเด็จนั่งเรือจ้าง
คราวหนึ่งคหบดีทางวัดอัมพวา ฝั่งธนบุรีนั้น มีงานเทศนาที่บ้าน บอกกล่าวชาวบ้านว่านิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มาเทศน์ที่บ้าน แล้วจัดเครื่องกัณฑ์เทศน์ไว้มาก ติดกัณฑ์เทศน์ด้วยเงินร้อยเงินชั่ง บอกใครๆ ว่า ถ้าเห็นเรืองกัญญาหลังคาแดงมาละก็นั่นแล้วสมเด็จโต
ครั้นได้เวลาสมเด็จท่านก็ลงเรือจ้างแล่นมาถึงบ้าน เจ้าของเสียหน้ามากที่สมเด็จลงเรือจ้างมาเทศน์ในงานใหญ่ของตน จึงกลับขึ้นเรือนไปเอาเครื่องกัณฑ์เทศน์ออกเสียมาก เหลือเงินติดกัณฑ์เทศน์ไว้เล็กน้อย
สมเด็จท่านขึ้นธรรมาสน์ แล้วว่านะโมตามธรรมเนียม แล้วท่านก็เทศน์เรื่อง “ศรัทธาหัวเต่ายาวแล้วสั้น”  กล่าวถึงเศรษฐีคนหนึ่งเตรียมเครื่องกัณฑ์เทศน์ไว้มาก ภายหลังนึกเสียดายทรัพย์ เพราะว่าสมภารวัดไม่มาเทศน์เองให้พระลูกวัดมาเทศน์แทน จึงยักเครื่องกัณฑ์เทศน์ออกเสียมาก จึงเรียกกันว่า เศรษฐีหัวเต่ายาวแล้วสั้น บุญกุศลจึงไม่ไพบูลย์  เพราะการทำบุญนั้น ก่อนทำก็ต้องไม่เสียดายทรัพย์ ขณะทำก็ไม่เสียดายทรัพย์ ทำแล้วก็ไม่เสียดายทรัพย์ บุญที่ทำแก่สงฆ์ไม่จำกัด ไม่เจาะจงตัวนั้นเรียกว่าสังฆทาน ย่อมได้บุญมาก ส่วนบุญที่ทำแล้วเสียดายทรัพย์ ย่อมไม่ได้บุญอันไพบูลย์ และบุญที่เจาะจงถวายสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่ง ได้บุญน้อยกว่าที่ถวายเป็นสังฆทานแก่สงฆ์ทั่วไป โบราณท่านว่า
กราบพระพุทธ อย่าสะดุดพระทองคำ
กราบพระธรรม อย่าสะดุดใบลาน
กราบสมเด็จพุฒาจารย์ อย่าสะดุดพัดยศ
เจ้าบ้านเมื่อได้ฟังสมเด็จเทศน์แล้ว ก็นึกละอายที่สมเด็จท่านทราบว่าเรายักเอาเครื่องกัณฑ์เทศน์ออกเสียมาก จึงไปขนเครื่องกัณฑ์เทศน์ในห้องมากองถวายใหม่
(โปรดติดตามตอนต่อไป)