เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์
พ.ศ.
๒๔๐๗ คือเป็นพระเทพกวีได้ ๑๐ ปี รัชกาลที่ ๔ ก็ทรงตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ
(จารึกนามในแผ่นทองคำ) เมื่อวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ขึ้น ๙ ค่ำ
ดังสำเนาคำประกาศพระบรมราชโองการ ดังนี้
คำประกาศพระบรมราชโองการ
สิริศุภมัสดุ
พระพุทธศาสนายุกาล เป็นอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๐๗ พรรษาปัจจุบันกาลสุนทรสังวัจฉรปุษยมาส
ศุกลปักษ์ นวมีดิถีครุวาร ปริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ ฯลฯ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า พระเทพกวี พรรษายุกาล
ประกอบด้วยรัตตัญญมหาเถรธรรมยั่งยืนมานาน และมีปฏิภาณปรีชา
ตรีปิฎกเกลาโกศลและฉลาดในโวหาร นิพนธ์เทศนาปริยัติวิธีและทำกิจในสุตตะนั้นด้วยดีมิได้ย่อหย่อน
อุตสาหะสั่งสอนพระภิกษุสามเณรโดยสมควร อนึ่ง
ไม่เกียจคร้านในราชกิจบำรุงพระบรมศรัทธา ฉลองพระเดชพระคุณเวลานั้นๆ
สมควรเป็นที่อรัญญิกมหาสมณคณาจารย์ พระราชาคณะผู้ใหญ่ มีอิสริยยศยิ่งกว่าสมณนิกร
ผ่านอรัญญวาสีเป็นอธิบดีครุฐานิยพิเศษควรสักการระบูชาแห่งนานาบรรพสัช
บันดาลนับถือพระบรมพุทธศาสนาได้ จึงมีพระราชโองการมานพระบัณทูรสุรสิงหนาท
ดำรัสสั่งให้สถาปนาพระเทพกวีศรีวิสุทธิณายก
ตรีปิฎกปรีชามหาคณิศรบวรสังฆารามคามวาสี เลื่อนที่ขึ้นเป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์
อเนกสถานปรีชาวิสุทธิศีลจรรยาสมบัติ นิพัทธสุตคุณ สิริสุนทรพรพรหมจาริก
อรัญญิกคณิศรสมณนิกรมหาปริณายก ตรีปิฎกโกศล วิมลศิลขันธ์ สถิต ณ
วัดระฆังโฆสิตารามมหาวิหาร พระอารามหลวง มีนิตยภัตราคา เดือนละ ๕ ตำลึง...”
เลื่อนเงินเดือนอีก
๑ ตำลึง
พ.ศ.
๒๔๑๐ โปรดพระราชทานเพิ่มนิตยภัตอีก ๑ ตำลึง รวมเป็น ๖ ตำลึง (๒๔ บาทเงิน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น