ผู้ไหว้ย่อมได้รับไหว้ตอบ
ธรรมวินัยในพระภิกษุสงฆ์นั้น
ผู้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ไม่ได้ถือชาติตระกูล ไม่ให้ถืออายุ ไม่ให้ถือคุณวุฒิ
ซึ่งเป็นสิ่งภายใน มิปรากฏภายนอก ใครเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา เสมอเหมือนกันหมด
แต่ให้ถือพรรษา คือแต่ก่อนวันเวลาบวชก่อนหลังกัน เมื่อพบกันให้ถามพรรษากัน ผู้อ่อนพรรษากว่าจะต้องไหว้ผู้มีพรรษาแก่กว่า
ถ้าบวชพรรษาเดียวกัน ก็ต้องถามเดือนที่บวชว่าใครบวชก่อนเดือนกว่า
ถ้าเดือนเดียวกันให้ถามกันว่าใครบวชก่อนกี่วัน ถ้าบวชวันเดียวกัน
ก็ให้ถือว่าใครรับศีลสิกขาก่อนกัน เรื่องนี้จึงมีเรื่องเมื่อพระพุทธเลิศหล้าฯ
ทรงผนวชพร้อมด้วยบุตรพระเจ้าพี่นางกรมพระยาเทพสุดาวดี พระพุทธยอดฟ้าฯ
ทรงให้พระพุทธเลศหล้าฯ รับศีลสิกขาบทก่อน สมเด็จพระพี่นางก็เอ็ดตะโรอยู่ในม่านว่า
จะให้น้องบวชก่อนพี่ได้อย่างไร พระพุทธยอดฟ้าจึงยินยอมให้บุตรพระพี่นางบวชก่อน
ตรัสว่า เรามาเป็นเจ้านายเมื่อแก่แล้ว อย่าถือธรรมเนียมเจ้านายเลย
ให้ถือธรรมเนียมไพร่เถิด
เล่ากันว่าคราวหนึ่ง
พระอุปัชฌาย์เดช มาแต่เมืองสิงห์บุรี มาหาท่านสมเด็จที่วัดระฆัง
มาถึงก็กราบสมเด็จก่อน โดยมิได้ถามอายุพรรษา สมเด็จท่านก็ก้มลงกราบมั่ง
พระอุปัชฌาย์เดช
จึงถามว่า ทำไมท่านมาทำอย่างนี้
สมเด็จตอบว่า วันทะโก
ปะฏิวันทะนัง ผู้ไหว้ท่านย่อมได้รับการไหว้ตอบ ผู้กราบท่านย่อมต้องได้รับกราบตอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น