ลูกศิษย์สมเด็จ
เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) มีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงหลายองค์ จะกล่าวถึงแต่เฉพาะที่มีชื่อเสียงเท่านั้น คือ
๑. สมเด็จพระพุฒาจารย์(ทัต เสนีย์วงศ์)
สมเด็จพระพุุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) องค์นี้ ได้เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์แทนอาจารย์ แต่ไปครองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในเวลาต่อมา เดิมท่านอยู่วัดระฆัง เป็นศิษย์ต้นหรือที่เรียกว่าลูกศิษย์ก้นกุฎิตั้งแต้เป็นเด็กวัดระฆัง แล้วบวชเณร บวชพระมาตามลำดับ ท่านเป็นเจ้านายจากวังหลังมีศักดิ์เป็นหม่อมเจ้า โอรสของกรมหลวงเสนีย์บริรักษ์ (พระองค์เจ้าชายแตง) ต้นสกุล เสนีย์วงศ์ พระองค์เจ้าชายแตง เป็นโอรสของเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (อุปราชวังหลังในรัชกาลท่ี่ ๑ ซึ่งเป็นโอรสของเจ้าฟ้าของเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดีพระน้องนางของพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก )
สมเด็จพระพุฒาจารย์(ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) เป็นลูกศิษย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ต่อมาได้บวชเป็นสามเณร เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ในพ.ศ. ๒๓๘๔ ก็ได้ผนวชเป็นพระภิกษุ ต่อมาได้รับพระราช่ทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระพุทธบาทปิลันธน์ ท่านได้เป็นกำลังสำคัญของพระอาจารย์คือช่วยสร้างพระสมเด็จวัดระฆังมาแต่แรก เมื่อสมเด็จอาจารย์ดับขันธ์แล้วท่านได้เป็นผู้จัดการเรื่องการพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ เพราะเป็นลูกศิษย์ชั้่นผู้ใหญ่ ที่เป็นพระราชาคณะ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆัง ท่านเป็นผู้จัดการแจกพระสมเด็จในงานพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จพระพุฒาจารย์เองด้วย แจกกันเป็นโอ่งมังกรหลายโอ่ง ดูเหมือนว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)ท่านจะทราบล่วงหน้าว่าจะมีคนมางานพระราชทานเพลิงศพของท่านมากมาย ท่านจึงเตรียมพระสมเด็จใส่โอ่งมังกรไว้พระอุโบสถมากมาย นับเป็นการแจกพระสมเด็จครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อพ.ศ. ๒๔๑๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระสมเด็จรุ่นนี้เป็นพระใส่โอ่งไว้ ไม่่ได้ใส่กรุุหรือเจดีย์ จึงไม่มีชี้กรุจับ บางองค์จึงขาวสะอาดเหมือนพระใหม่ สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ท่านสร้างขึ้นแล้วให้มีการสวดพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถทุกวันที่พระสงฆ์ลงโบสถ์ทำวัตรเช้าเย็น สมัยน้ันมีการสวดพระสูตรหลายบท ไม่ได้สวดส้ันๆ เหมือนสมัยปัจจุบัน
พระพุทธบาทปิบันธน์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) องค์นี้ต่อมาท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์สูงขึ้นจนเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ แทนองค์อาจารย์ในรัชกาลที่ ๕ แล้วไปครองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เมื่อพระอาจารย์ดับขันธ์ ท่านจึงสร้างพระเครื่องขึ้น แต่ท่านถ่อมตัวไม่ทำเทียมอาจารย์ ท่านจึงสร้างพระเครื่ององค์น้อยๆขึ้นเรียกว่า สมเด็จพระพุทธปิลันธน์ ไม่เรียกสมเด็จพระพฒาจารย์ นักเลงพระย่อมรู้จักพระเครื่องสมเด็จพระพุทธบาทปิลันธน์ดีทุกคน
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัต เสนีย์วงศ์) ท่านยังมีน้องชายร่วมพระบิดาองค์หนึ่งชื่อ ม.จ.อ้น เสนีย์วงศ์ เป็นเด็กวัดระฆังมาด้วยกัน แล้วผนวชเป็นสามเณร เป็นพระภิกษุด้วยกันที่วัดระฆังนั้น
พระภิกษุสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ ท่านประสูติเมื่อพ.ศ. ๒๓๖๔ จึงมีพระชนมายุ ๗๙ ปี
พระพุทธบาทปิบันธน์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) องค์นี้ต่อมาท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์สูงขึ้นจนเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ แทนองค์อาจารย์ในรัชกาลที่ ๕ แล้วไปครองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เมื่อพระอาจารย์ดับขันธ์ ท่านจึงสร้างพระเครื่องขึ้น แต่ท่านถ่อมตัวไม่ทำเทียมอาจารย์ ท่านจึงสร้างพระเครื่ององค์น้อยๆขึ้นเรียกว่า สมเด็จพระพุทธปิลันธน์ ไม่เรียกสมเด็จพระพฒาจารย์ นักเลงพระย่อมรู้จักพระเครื่องสมเด็จพระพุทธบาทปิลันธน์ดีทุกคน
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัต เสนีย์วงศ์) ท่านยังมีน้องชายร่วมพระบิดาองค์หนึ่งชื่อ ม.จ.อ้น เสนีย์วงศ์ เป็นเด็กวัดระฆังมาด้วยกัน แล้วผนวชเป็นสามเณร เป็นพระภิกษุด้วยกันที่วัดระฆังนั้น
พระภิกษุสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ ท่านประสูติเมื่อพ.ศ. ๒๓๖๔ จึงมีพระชนมายุ ๗๙ ปี
๒. พระภิกษุม.จ.อ้น เสนีย์วงศ์
พระภิกษุม.จ.อ้น เสนีย์วงศ์ ทรงผนวชอยู่วัดระฆังประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๐ จนถึงพ.ศ. ๒๔๑๕ เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ดับขันธ์แล้ว ท่านจึงออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ แบบอาจารย์ ในที่สุดท่านก็ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดปรกสุธรรมาราม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อคุณหญิงเกษม ภรรยาพระยาสุธรรมาราม สร้างวัดสุธรรมารามขึ้่น แล้วนิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดปรกสุธรรมาราม คุณหญิงเกษม เป็นคนในตระกูลวงศาโรจน์ ซึ่งมีพื้นเพอยู่เมืองสมุทรสงคราม จึงไปสร้างวัดไว้ที่เมืองน้ัน พระภิกษุ ม.จ.อ้น เสนีย์วงศ์ท่านประพฤติแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) คือเป็นพระฝ่ายสมถวิปัสสนา ท่านจึงสร้างพระเครื่องแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ขึ้นแบบหนึ่ง ใช้เนื้อปูนขาวผสมมวลสารอย่างเดียวกัน แต่องค์ย่อมกว่า เรียกว่า สมเด็จปู่อ้น บางคนถือว่าเป็นพระสมเด็จพุฒาจารย์ นับถือกันมากในเมืองสมุทรสงครามว่าเป็นพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์
ต่อมาพระภิกษุุม.จ.อ้น หรือหลวงปู่อ้น ท่านย้ายไปอยู่วัดบางจาก ซึ่่งต่อมาเปลี่ยนชื่อโดยสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารี) ว่าวัดเกษมสรณาราม เมื่อท่านมาอยู่ที่วัดเกษมสรณารามนั้นท่านชราภาพมากแล้ว อายุน่าจะราว ๗๐ ปี ท่านประสูติ ราว พ.ศ. ๒๓๗๐ เมื่อท่านมาอยู่วัดเกษมสรณาราม ประมาณพ.ศ.๒๔๔๐ ท่านป่วยเป็นโรคผิวหนัง ขณะที่ท่านป่วยเป็นโรคผิวหนังนี้ ท่านก็นอนแจกพระเครื่องของท่านด้วย นอกนั้นท่านยังมอบให้หลวงพ่อหรุ่นเจ้าอาวาสวัดช้างเผือกที่ชอบธุดงค์ไปตามเมืองต่างๆ เอาพระเครื่องของท่านไปแจกด้วย หลวงพ่อหรุ่นองค์นี้ท่านก็เป็นลูกศิษย์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ด้วยกัน พระภิกษุม.จ.อ้น เสนีย์วงศ์ มรณภาพประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๐ อายุประมาณ ๘๐ ปี
พระเครื่องของท่านมีลักษณะเนื้อเดียวกันกับสมเด็จวัดระฆัง แต่องค์ย่อมกว่า รูปทรงต่างกัน มีนักเลงพระนิยม ใช้แทนพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) นิยมกันในเมืองสมุทรสงคราม
ต่อมาพระภิกษุุม.จ.อ้น หรือหลวงปู่อ้น ท่านย้ายไปอยู่วัดบางจาก ซึ่่งต่อมาเปลี่ยนชื่อโดยสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารี) ว่าวัดเกษมสรณาราม เมื่อท่านมาอยู่ที่วัดเกษมสรณารามนั้นท่านชราภาพมากแล้ว อายุน่าจะราว ๗๐ ปี ท่านประสูติ ราว พ.ศ. ๒๓๗๐ เมื่อท่านมาอยู่วัดเกษมสรณาราม ประมาณพ.ศ.๒๔๔๐ ท่านป่วยเป็นโรคผิวหนัง ขณะที่ท่านป่วยเป็นโรคผิวหนังนี้ ท่านก็นอนแจกพระเครื่องของท่านด้วย นอกนั้นท่านยังมอบให้หลวงพ่อหรุ่นเจ้าอาวาสวัดช้างเผือกที่ชอบธุดงค์ไปตามเมืองต่างๆ เอาพระเครื่องของท่านไปแจกด้วย หลวงพ่อหรุ่นองค์นี้ท่านก็เป็นลูกศิษย์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ด้วยกัน พระภิกษุม.จ.อ้น เสนีย์วงศ์ มรณภาพประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๐ อายุประมาณ ๘๐ ปี
พระเครื่องของท่านมีลักษณะเนื้อเดียวกันกับสมเด็จวัดระฆัง แต่องค์ย่อมกว่า รูปทรงต่างกัน มีนักเลงพระนิยม ใช้แทนพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) นิยมกันในเมืองสมุทรสงคราม
๓.. พระภิกษุ ม.จ. อ่วม เสนีย์วงศ์
ลูกศิษย์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกองค์หนึ่งชื่อ หลวงพ่ออ่วม วัดไทร อำเภอบางคณฑี จังหวัดสมุทรสงคราม แต่คนมักเรียกกันว่า "หลวงพ่ออือ" เพราะท่านไม่ค่อยพูด ใครไปหาท่าน ถามท่านก็มักจะตอบคำเดียวว่า "อื่อ" เล่ากันว่าเดิมท่านบวชอยู่วัดระฆัง เป็นลูกศิษย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านเป็นพระสมถวิปัสสนาเชี่ยวชาญท่างฌานสมาบัติ ต่อมาท่านมาอยู่่วัดไทร จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไทร ท่านสร้างพระเครื่องแบบสมเด็จขึ้นมีแบบอย่างเดียวกัน ดูเหมือนว่าใช้พิมพ์เดียวกัน เนื้อเดียวกันหมด คนทั่วไปจึงเรียกว่า สมเด็จวัดไทร มักเข้าใจกันว่าเป็นพระที่ท่านนำไปจากวัดระฆัง มีคุณภาพอย่างเดียวกัน มีพบในจังหวัดสมุทรสงครามหลายองค์
นอกจากพระสมเด็จวัดระฆังหรือวัดไทรนี้แล้ว ยังมีพระสมเด็จนางพญาอีกอย่างหนึ่ง รูปทรงอย่างสมเด็จนางพญาเข่าโค้ง ของเมืองกำแพงเพชร แต่สีขาว พระครูพิพิธสมุทรคุณ เจ้าอาวาสวัดไทรองค์หลัง ท่านแจกไปมาก ล้วนเป็นพระที่หลวงพ่ออือสร้างไว้ทั้งสิ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น