สุภาษิตสอนศิษย์คำกลอน
หนังสือสุภาษิตสอนคำกลอนนี้ ในต้นฉบับอของหอสมุดแห่งชาติบอกไว้ว่าเป็นนิพนธ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆษิตาราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชาคณะทรงเกียรติคุณแพร่หลายในหมู่่ประชาชนทั้่วไป ท่านได้ถึงมรณภาพเสียในรัชกาลที่ ๔นี่เอง
หนังสือนี้แต่งเป็นกลอนสุภาพ สอนไม่ให้คบคนพาลและยกตัวอย่างวิธีคดโกงของคนพาลเกเรต่างๆ นานาตามที่ปรากฎในยุคน้ัน แต่ถ้อยคำสำนวนสังเกตุว่าใช้ถ้อยคำสามัญอย่างที่พูดจากันทั่วไป แต่ในทางบังคับบทกลอนน้ั้นดูเหมือนจะไม่เอาใจใส่เท่าใดนัก บางแห่งก็ขาดคำบางแห่งก็ขาดสัมผัสเป็นดังนี้ตลอดเล่ม จนทำให้เจ้าหน้าที่บางท่านสงสัยว่าจะไม่ใช่สำนวนโวหารของท่าน ดังน้ันจึงควรชี้แจงความมุ่งหมายในการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ไว้ดังนี้
สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆังนี้ ท่านมีเกียรติคุณปรากฎแก่ประชาชนมากมาย แม้พระพิมพ์ที่ท่านสร้างไว้ ซึ่งเรียกว่า "สมเด็จพระพุฒาจารย์" ราษฎรยังเอามานับถือเป็นเครื่องราง กันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้อยู่จนทุกวันนี้ และปรากฎว่า ท่านไม่ได้สั่งสมทรัพย์สมบัติเลยแม่แต่น้อย แต่มีปูชียวัตถุไว้เป็นอนุสาวรีย์ของท่านที่ปรากฎอยู่บัดนี้หลายแห่ง เช่น ตัวอย่างพระพุทธรูปใหญ่ที่วัดเกศไชโยเมืองอ่างทอง และพระยืน ที่บางขุนพรหม วัดอินทรวิหาร ที่สร้างค้างไว้เป็นต้น
ส่วนเกียรติคุณของ่ท่านนั้น ราษฎรเล่าลือกันต่างๆนานา หวังว่าผู้อ่่านคงจะทราบกันบ้างแล้ว ซึ่่งถ้าจะรวมกล่าวย่อๆ ก็คือ ท่านไม่เอาใจใส่ในโลกธรรมเลย ข้อที่เกียวกับหนังสือนี้ดูเข้ากันได้คือ ท่านไม่เอาใจใส่ในการติชมของใครๆเลย ดังตัวอย่างทีเล่าลือกันว่า ท่านไปเทศน์ทีบ้านท่านผู้มีบรรดาศักดิ์ผู้หนึ่ง เมือขึ้นธรรมาสน์ให้ศีลแล้วก็ว่า "นโม"สามหน แล้วเทศน์ว่า พายเถิดหนา พ่อพายแม่พาย ตลาดจะวาย สายบัวจะเน่า แล้วท่านก็บอกจบ เล่าลือกันว่ามีผู้ต่อว่าท่านว่า ทำไมเทศน์สั่้นๆ เช่นนี้ ท่านตอบว่าเท่านี้ก็พอแล้ว ขอให้ประพฤติให้ครบบริบูรณ์เถิดพ่อเอ๋ย
เพราะฉนั้นหนังสือนี้อาจเป็นจดหมายที่ท่านบันทึกไว้ เพื่อสั่งสอนศิษย์ของท่านก็ได้ กล่าวคือนึกอะไรได้ก็เขียนลงไปจะได้สัมผัสกันบ้าง แล้วแต่สะดวกของท่าน ท่านมุ่งแต่จะสอนศิษย์เท่าน้ัน ไม่ต้อการได้รับคำชมทางกวีเลย
การพิมพ์หนังสือแจกเป็นที่ระลึกของท่านทั้งหลายในการกุศลทอดกฐินพระราชทานนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมเกียรคุณของท่านเจ้าของหนังสือนี้เป็นข้อใหญ๋ แต่หากเกรงไปว่า เมื่อท่านไปอ่านเห็นข้อบังคับบทกลอนคลาดเคลื่อนมากมายเช่นนี้ อาจเข้าใจกันว่าเป็นการลบล้างเกียรติคุณของ่ท่าน จึงจำเป็นต้องอธิบายเพิ้อชี้แจงความมุ่งหมายในการพิมพ์หนังสือนี้เท่าน้ั้น หวังว่าหนังสือนี้จะส่งเสริมความรู้ความพอใจแก่ผู้อ่านบ้างตามสมควร
๐ จะกล่าวกลอนสอนสุู่ทุกหมํู่ศิษย์
จงฟังคำจำไว้ให้เป็นนิจ
อุตส่าห์คิดข้อความไปตามกลอน
อันสัญชาตินักเลงไม่ใช่ชั่ว
แต่ล้วนตัวปลิ้นปลอกทั้งหลอกหลอน
ทนสบดปดไปไม่แน่นอน
ทำยอกย้อนแยบคายเป็นหลายลม
ทำปรานีที่รักนี่นักหนา
กล่าววาจาป้อยอต่อประสม
เรียกพ่อพ่อล่อให้หลงลม
แต่พอซมมันก็ซ้ำจนสิ้นตัว
ที่ใครรวยก็ช่วยเอาใจใส่
ทำอาลัยตามส่งแล้วยิ้มหัว
ว่าพ่อนี้มีดีเป็นพ้นตัว
อันกำุถั่วแล้วมีจะดีพอ
อย่าไปเล่นบ่อนอื่นเลยนะเจ้า
เล่นบ่อนเราเถิดดีไม่มีฉ้อ
วันพ่ร่งนี้เชิญมาอย่ารารอ
จะคอยพ่อกว่าจะสิ้นเวลากาล
ไม่เห็นไปก็จะให้คนมาชวนชัก
พอเห็นพักตรก็เข้าเชิญด้วยคำหวาน
พ่อไปไหนจึงไม่มาเป็นช้านาน
สักกระดานเถิดนะพ่ออย่ารอเลย
ทำเข้าทุกหนุนไว้แต่พอเพลิน
ถ้าเห็นเกินแล้วก็บอกออกตัวเฉย
ชาตินักเลงแล้วก็เหลืออย่าเชื่อเลย
เป็นคนเคยพูดจามารยายอ
ลางคนซื่อถือว่าเป็นพวกเพื่อน
มันกลับเฉือนเอาไปบาทเสียอ้อต้อ
ทำหน้าจนต้องจำระยำพอ
เพราะเชื่อพ่อหรือมิใช่อ่ายเจ๊กอื้อ
บ้างวางโขลงโยงคลอพอเข่้าบ่อน
เอาบี้ผ่อนส่งไว้ให้ช่วยถือ
แล้วแทงก่อนผ่อนส่งจนเต็มมือ
ทำหารือว่าจะแทงก็ตามใจ
เอาบี้เราที่เจ้าถือน้ันแทงเถิด
ถ้าถั่วเกิดแล้วก็ตามอัชฌาศัย
ถึงเสียเล่าก็ไม่เอาให้เจ้าใช้
อย่าตกใจเลยนะเจ้าจงแทงลง
ที่เสียเล่าก็ไม่เอาเหมือนปากว่า
ที่ได้มาเล่าก็ให้ให้ใจหลง
พอเห็นควรแล้วก็ชวนให้นั่งลง
แล้วยุส่งให้เข้ากำจนเกินการ ฯ
๐ อีกอย่างหนึ่งพึงรู้เป็นครูไว้
มันเที่ยวไปต้ังบ่อนตำบลบ้าน
เห็นผู้ดีมีทรัพย์เข้ากราบกราน
เอาคาวหวานเข้าไปล่อแต่พองง
ขอตั้งบ่อนลงได้ดั่งใจนึก
แล้วตรองตรึกที่จะให้เจ้าบ้านหลง
ทำพูดจาพาทีให้งวยงง
เชิญให้ลงไปบ่อนแล้วผ่อนปรน
ทำอุบายแยบคายเป็นหลายท่า
เหมือนที่ว่าแล้วแต่ข้างต้น
ให้เจ้าบ้านเสียทรัพย์จนอับจน
แล้วเป็นคนปลิ้นปลอกทำซอกซอน ฯ
(ข้อ ๑) ลางทีก็ลงทุนให้กินเหล้า
แต่พอเมาจับตาพาเข้าบ่อน
ว่าเล่นเสียให้สนุกอย่าทุกขฺ์ร้อน
เองทำก่อนเถิดข้าจะช่วยแจง
เจ้าคนเมาเข้ากำทำตาเฟือน
กระจายเบี้ยเลื่อนเปื้อนไปทุกแห่ง
เจ้าคนดีร้องว่าท่านที่แทง
ข้าจะแจงเอานะเจ้าจะติดใจ
พอแจงออกบอกว่าเบี้ยนี้ตาย
อย่าวุ่นวายนะเพื่อนจงกำใหม่
ท่านนายบ่อนโปรดก่อนจงรองไป
ไม่เป็นไรเจ้าคนนี้มีอันกิน
เจ้าหัวเบี้ยซ้อมค้างจนเกินตัว
เจ้าตามัวก็เข้ารับเอาหมดสิ้น
ช่วยกันสวดบวชเสียด้วยลมลิ้น
จนหมดสิ้นข้าวของต้องจำนำ
ลางทีเล่าเล่นตรุษสงกรานต์ส่ง
แล้วต้ังวงเล่นเลยไปยังค่ำ
เพลินเล่นเบี้ยเสียทรัพย์ยับระยำ
เพราะไม่จำคำครูผู้สอนมา
หนึ่งแปะโปแปดเก้านั้นเล่าหนอ
ช่างขี้ฉ้อหลอกลวงนี่หนักหนา
มันเข้ากันทั้งวงอย่าสงกา
แต่สองตานี่จะดูที่ไหนทัน
ทำพูดกันเหมือนยังฉันว่าคน (ซื่อ)
แต่ไม่มือท่วงทีดีขยัน
ทั่้งคำไพล่ไว้เม็ดเป็นสำคัญ
รู้ไม่ทันมันทำเสียกำเดียวๆ
(ข้อ ๒) ยังพวกฝิ่นกินยาทำหน้าซื่อ
ไม่อึงอื้อเหมือนกันคนไม่รู้เที่ยว
ทำเดินเลาะเดาะไปแต่ผู้เดียว
เห็นทีเปลี่ยวแล้วก็นั่งชำเลืองแล
ถ้าเห็นเด็กเดินมาทำปราศรัย
เห็นผู้ใหญ่แล้วนิ่งไม่แยแส
ทำพูดจางุบงิบขยิบแล
มานี่แน่ข้าจะบอกที่ของดี
เอายาฝิ่นส่งให้เห็นพอหอมหอม
แล้วกล่าวกล่อมว่าจะลองก็มานี่
ไม่รู้รสหรือน้องเป็นของดี
ลองสักทีเถิดนะพ่อเป็นไรมี
มันต้ังเพียรเวียนรอบมาหาบ่อย
เอาของเล่นเล็กน้อยมาอ่อยให้
ล่อให้เชื่องแล้วก็ชักให้ติดใจ
เที่ยวคบไว้พอได้กินเมื่อสิ้นอด
เจ้าเด็กรักลักส่งไม่วายวัน
ทั้งผ้าผ่อนจอกขันมันไม่ลด
ทั้งพ่อแม่พี่น้องเงินทองหมด
ด้วยมันอดเข้าไม่ได้อายใจจน
มันรักเพื่อนยิ่งกว่าพ่อไอ้คอยา
ถึงครูบาก็ไม่เว้นทำเข็ญคน
เห็นพอได้แล้วไพล่เอาบัดดล
ลางทีซนเข้าไปสูบที่เรือนเซ
ลางทีซ่อนอาศัยในกุฎิเก่า
เข้านั่งซึมนอนเซาอ้ายเจ้าเล่ห์
ทำพูดจางุบงิบไม่ฮาเฮ
แต่พอเย็นแล้วก็เร่ออกเที่ยวราย
ทำไปมาหาสู่คนน้ันนี้
พอได้ทีแล้วก็ลักเอาง่ายง่าย
เที่ยวดูของมองไว้แล้วเวียนชาย
คิดอุบายหมายมุ่งเขม้นเอา
แต่พอค่ำเข้าได้น้ำใจมา
ทั้งหูตาก็สว่างอย่างนกเค้า
เที่ยวเร่ลักผ้าผ่อนคนนอนเซา
ทั้งบินเข้าเรือนแพพอแก้คอ
ทั้งกระดานฝาผ้าชาวเรือ
ทั้งห่อเสื้อไม่เหลือหลอ
คร้ันว่าหมดอดเงี่ยนเหียนใจคอ
น้ำตาล่อเสียดท้องเอามือกุม
ให้ลงเป็นบิดปิดไม่หาย
เอายาฝิ่นละลายพอชื่นชุ่ม
แต่อดตายเสียเช่นนี้ก็มีชุม
แต่หนุ่มหนุ่มมิได้ควรจะถึงกาล ฯ
(ข้อ ๓) ถึงพวกเหล่ากัญชาทำหน้าเซอะ
ขี้ฟันเลอะอกแห้งมักอยากหวาน
ทำตาปริอลือกันประสาพาล
ไม่ทำการเที่ยวกินกัญชาเชือน
เอาไฟดุ้นเข้าจ่อชักคอโก่ง
พอตกเพลาะแล้วก็ส่งให้พวกเพื่อน
ทำหน้าเงยเหมือนจะเสยเอาดวงเดือน
ใครทำเหมือนแล้วก็ชมกันว่าดี
บ้างอัดอั้นควันไว้มิใคร่ปล่อย
เรียกทองย้อยต้ังน้ำไปตามที่
เรียกมังกรล่อแก้วน้้นก็มี
ทำท่วงทีส่ายหน้าท่ามังกร
ควันกัญชาเข้าคอหัวร่อแห้ง
ทั้งเรี่ยวแรงเล่าก็หมดมือตีนอ่อน
ทำตาเล็กซืมเซาเหมือนหาวนอน
แลเห็นขอนก็ว่าคนซนหนีไป
แลเห็นเชือกก็ว่างูมิรู้จัก
ใครร้องทักก็ให้กลัวไม่อยํู่ได้
เห็นมือชี้เล่าก็หนีออกไปไกล
ให้ตกใจเหมือนต้ังจ่อเข้าตรงตา ฯ
(ข้อ ๔) ยังพวกโจรใจดื้ออวดมือดี
เที่ยวลอบลี้ฉกชิงวิ่งเอาผ้า
เห็นที่เปลี่ยวเที่ยวคอยคนเดินมา
เห็นชอบท่าแล้วก็ชิงวิ่งหนีไป
ลางทีเห็นเด็กน้อยใส่ปิ่นปัก
ทำเดินเคียงเข้าไปซักเอาจนได้
ลางทีทำพูดผลอล่อเอาไป
ตัดกำไรตีนมือแล้วปล่อยมา ฯ
(ข้อ ๕) ยังพวกหนึ่งขี้ฉ้อทำล่อหลอก
มันปลิ้นปลอกลวงเอาเป็นหลายเท่า
เห็นพระสงฆ์บิณฑบาตท่านเดินมา
ทำมารยานิมนต์เหมือนคนดี
ว่าคุณยายจะถวายซึ่งข้าวสงฆ์
นิมนต์คุณเดินตรงขึ้นเรือนนี้
รับบาตรได้ไพล่รัดไปทันที
พระสงฆ์รี่ขึ้นเรือนแล้วนั่งลง
เจ้าเรือนรู้ให้รีบไปตามหา
ว่าใครมาแต่ไหนมาลวงสงฆ์
อ้ายขี้ฉ้อลวงเอาตรงตรง
มันจะลงนรกตกอเวจี ฯ
(ข้อ ๖) คนหนึ่งเล่าเอาหมากใส่จอกมา
กล่าวมารยาว่าดิฉันตกเวจขี้
จะขอรดน้ำมนต์พ้นอัปรีย์
ยังสองทีสิ้นจังไรไป
ได้ห้าวัดแล้วเจ้าคุณเอาบุญเถิด
เหมือนดังโปรดให้เกิดเอาชาติใหม่
จะขอยืมเอาบาตรเจ้าคุณไป
ได้ตักน้ำมาให้ทำน้ำมนต์
พระพาซื่อส่งบาตรให้ทันที
บัดเดียวใจมันก็หนีไม่เห็นหน
อ้ายเจ้าเล่ห์ล่อลวงเป็นหลายกล
แต่ล้วนคนคอฝิ่นกินสุรา ฯ
(ข้อ ๗) อ้ายคนหนึ่งนั่งหน้าศาลาน้ำ
เห็นเขาทำทอดกล้วยอยู่ฉ่าฉ่า
คิดได้การแล้วก็กล่าวเป็นมารยา
ว่าได้ยินเข้าว่าน่าสงสัย
กระทะทอดกล้วยต้ั้งดังท่านทำ
อ้ายเจ้ากรรมมันลักเอาไปได้
นางแม่ค้าร้องว่าทำอย่างไร
มันบอกไปว่าจะทำให้ท่านดู
ส่งพายมาให้เถิดข้าจะทำ
นางเจ้ากรรมสงสัยจะใคร่รํู้
หยิบพายส่งจงใจจะใคร่ดู
มันคอนหูพาหายไปทันที ฯ
(ข้อ๘) อ้ายเด็กหนึ่งเที่ยวเดินตามตะพาน
ทำอาการร้องไห้อยํู่อู้อี้
พระไปสรงน้ำคิดปราณี
ว่าอ้ายนี่อยู่ที่ไหนร้องไห้มา
มันบอกว่าพ่อข้ามาบางกอก
เขาชวนบอกว่าจะพามาหา
ฉันไม่รู้เล่ห์กลคนมารยา
ลงเรือมากับเขาไม่เข้าใจ
พระต้นมีจิตคิดสงสาร
มานี่หลานกูจะคิดช่วยแก้ไข
จะไปหรือจะฝากเขาขึ้นไป
แต่จนใจด้วยยังไม่มีเรือ
เอ็งอยู่กับกูก่อนเถิดนะหลาน
จะโดยสารที่ไหนเขาจะเชื่อ
อยู่สักสามสี่วันพอได้เรือ
กินข้าวเกลือเสียให้อิ่มอย่าตกใจ
อ้ายลูกเจ้ามารยาทำหน้าเศร้า
กินข้าวเหมือนจะกลืนลงไม่ได้
ชีต้นปลอบว่าเอ็งอย่าเสียใจ
กินเข้าไปให้อิ่มเถิดหลานชาย
คร้ันรุ่งเช้าก็เข้าไปบิณฑบาตร
อ้ายมารยามันก็กวาดเอาง่ายง่าย
ครั้นกลับมาเรียกหาเห็นผ้าหาย
ทีนี้ร้ายแล้วสิเราอ้ายเจ้ากล ฯ
(ข้อ๙) อ้ายคนหนึ่งตัวดีเห็นสีกา
ถือพานหมากขึ้นมาเข้าตามก้น
ทำอย่างสุกรสารเข้าปลอมพล
เข้าปนอยู่กับเขาที่เข้ามา
สีกาส่งเภสัชให้ประเคน
แล้วพวกเณรกลับคืนมาตีนท่า
มันทำดีที่ตามเขาลงมา
พอลับตาแล้วก็กลับเข้าไปใหม่
ว่าท่านใช้ให้เอาพานลงไปด้วย
เจ้าคุณช่วยโปรดไถ่ส่งมาให้
พอได้พานแล้วก็ลงบันไดไป
อ้ายจังไรเช่นนี้ก็ดีพอ ฯ
(ข้อ๑๐) อีกคนหนึ่งเป็นหญิงยิ่งขยัน
ช่างพูดจาแปรผันเชิงขึ้ฉ้อ
ทั้งน้ำคำเล่าก็เพราะเสนาะพอ
ทำไปรออยู่ที่ร้านบ้านผู้ดี
ว่าดิฉันจะเอาของมากราบเท้าท่าน
แต่โต๊ะพานไม่ได้มาหน้าบัดสี
จะได้โต๊ะที่ไหนใส่มาดี
เอ็นดูทีเถิดนะแม่ช่วยแก้ไข
นางหนึ่งนั่งอยู่ที่ร้านคิดว่าจริง
ให้คนวิ่งไปเอาโต๊ะมาส่งให้
ถามว่าท่านจะเอาสักกี่ใบ
จงบอกไปเถิดนะเจ้าของเรามี
อีมารยาว่าคุณคู่หนึ่งพอ
อ้อไข่เต่าเล่าหนอไม่มีที่
ถ้าได้พานอีกสักใบเห็นจะดี
แม่คนนี้ไปด้วยฉันช่วยกันมา
นางผู้ใหญ่ใช้กลับไปเอาพาน
มาส่งให้ที่ร้านแล้วจึงว่า
เองไปด้วยช่วยท่านขนเอามา
อีมารยามันก็เห็นจะเหลือมือ
จึงยืมเอากระจาดเจ้าของร้าน
ใส่โต๊ะพานพาซื่อ
อีลาวว่ามาข้าจะช่วยถือ
จะช่วยหรือเอาพานนี่แน่ไป
คร้ันมาถึงท่าน้ำตะพานมอญ
ว่าหยุดก่อนคอยเรือประเดียวใจ
อีลาววางพานส่งเบี้ยให้
ว่าเจ้าไปซื้อหมากมิทันมา
อีมารยามันก็ยกเอาไปสิ้น
อีเจ้ากรรมทำกลเที่ยวหากิน
มันสุดสิ้นข้อคดขี้ปดคน ฯ
(ข้อ๑๑) คนหนึ่งต่อเรือฟืนถามราคา
แล้วว่าข้าจะพาขึ้นไปขน
เอ็นดูด้วยแจวไปบ้านบน
ให้นับขนแล้วจึงคิดราคากัน
ครั้นถึงที่จอดท่าเดินขึ้นไป
ถามว่าท่านไปไหนเจ้าคุณฉัน
เอาฟืนมากราบเท้าสักสองพัน
พ่อคนน้ันช่วยไปเรียนท่านสักที
ที่จริงใจมันรู้ว่าไปวัง
แต่แกล้งกล่าวปิดบังไปตามที่
เจ้าลูกชายก็วิ่งไปทันที
ว่าเมื่อกี้เขาจะมาหาเจ้าคุณ
ท่านผู้หญิงร้องว่ามาทำไม
เขาเอาฟืนมาให้สองพันดุ้น
อีเด็กเด็กคนไรอยู่ใต้ถุน
อย่าเล่นวุ่นลงไปบอกเขาขึ้นมา
เจ้าคนลวงได้ทีก็ขึ้นไป
คำนับไหว้แล้วหมอบลงตรงหน้า
ว่าดิฉันเป็นบ่าวของคุณมา
ก็ตั้งหน้าทำมาหากินไป
กว่าสามปีนี้แล้วเจ้าประคุณ
พึ่งใบบุญคุณพ่อพอหาได้
ดิฉันค่อยคลายจนสบายใจ
เอาฟืนรอนมาให้สองพัน
ยังข้าวของอยู่ที่เรือตรงนี้ข้าม
จะเอามาก็ไม่งามในใจฉัน
ให้ขนฟืนไปพลางจะช้าวัน
ตัวดิฉันจะไปเอาข้าวของมา
ขอยืมโต๊ะโตกพานสักห้าใบ
จะเอาไปใส่ของพองามหน้า
ท่านผู้หญิงก็ให้คนขนลงมา
มันก็ลาลงจากเรือนลงมาเรือ
ร้องว่าให้เขาขนขึ้นไปก่อน
ฟืนรอนนี้กระไรดุ้นใหญ่เหลือ
ข้าข้ามไปเอาของที่ในเรือ
เห็นจะเหลือโต๊ะพานที่เอามา
ลงเรือน้อยข้ามตรงไปสูญหาย
ตะวันบ่ายแล้วก็วุ่นกันหนักหนา
ทั้งเจ้าฟืนก็จะเอาซึ่งราคา
ทั้งเจ้าคุณก็ออกมาจากในวัง
ท่านผู้หญิงเสียใจทำหน้าจน
ว่าอ้ายคนที่ไหนอ้ายขี้ถัง
ช่างมาหลอกสดสดปดตังตัง
ใครรู้มั่งว่ามันอยู่ตำบลใด
จะเสียเงินสักเท่าไรก็เสียไป
ข่วยเอาตัวมาให้กูเถิดหวา
กูจะเฆี่ยนให้ระยำเหลือแต่ตา
เอ็นดูข้าช้วยตามดูตามจน
ทั้งพวกเหล่าบ่าวไพร่ก็วุ่นวาย
มันน่าอายนี่กระไรทุกเส้นขน
ทั้งเสียโต๊ะเสียหน้ามารยาคน
อ่้ายเจ้ากลเจ้ากรรมมันทำดี ฯ
(ข้อ๑๒) อ้ายคนหนึ่งทำทีมีศรัทธา
นั่งตีนท่าร้องถามไปตามที่
ว่าอิฐใหญ่ได้ขนาดชนิดนี้
เผาสุกดีอยู่หรือจะซื้อเอา
ถนนข้าสร้างไว้ฟากข้างโน้น
วัดประโคนหลังแพน้ันแน่เจ้า
ทำบุญด้วยกันเถิดพี่น้องเรา
เจ้าจะเอาราคาข้าเท่าไร
มอญบอกราคาพอสมควร
ทำกระบวนว่าพออัชฌาศัย
ทำบุญด้วยกันบ้างเถิดเป็นไร
แต่พอให้พระสงฆ์เดินสบาย
ต่อราคากันแล้วก็ลงเรือ
เจ้ามอญเชื่อถอยเรือรับไปง่ายง่าย
ครั้นถึงใกล้ท่าวัดที่แพราย
กล่าวอุบายบอกมอญเข้าจอดเรือ
ขึ้นซื้อผ้าบอกว่าท่านจะทำบุญ
เจ้าประคุณนี่กระไรศรัทธาเหลือ
แต่ว่าท่านจะใคร่ดูให้รู้เนื้อ
ขอยืมเรือไปหน่อยประเดียวใจ
จะใคร่ให้ท่านดูทั้งสองอย่าง
จะเอาหนาหรือบางหารู้ไม่
เรืออิฐฉันนั่นแน่ไม่เป็นไร
ฉันจะไปบัดเดียวจะกลับมา
ชาวแพเชื่อสังเกตุว่าจริงๆ
จึงเรียกอีผู้หญิงให้หยิบผ้า
แล้วใช้ให้ไปพายเอาเรือมา
ก็บอกว่าเอาเรือนี่แน่ไป
เจ้าคนร้ายลงเรือเลี้ยวหลังแพ
เห็นลับแลแล้วก็พายขยุมใหญ่
ข้างชาวแพคอยคอยเห็นช้าไป
ก็ตกใจได้คิดขึ้นทันที
ถามเรืออิฐว่าคนนั้นเขาไปไหน
เขาขึ้นไปบนเมื่อกี้นี้
ข้าเหนื่อยนั่งผินหลังอยู่ข้างนี้
ไม่รู้ที่ว่าไปข้างไหนเลย
ข้านึกว่าเจ้ามอญรู้จักกัน
คิดไม่ทันจึงให้ไปเฉยเฉย
จะทำกระไรเล่าเจ้ามอญเอย
มันหนึเลยไปแล้วอกเรา
เจ้ามอญถอยเรือออกโคลงเคลง
ชาวแพว่าเอ็งจะไปไหนเล่า
เจ้าว่าทำไมกับเรือเรา
ใครไปเอาอะไรของท่านมา ฯ
(ช้อ๑๓) เจ้าคนหนึ่งทำดีที่นาย
เด็กนั่งหัวนั่งท้ายพายเรือซ่า
เข้าแพเขาถือถุงเข้าพูดจา
ว่าแม่ขาผ้าดีมีมาดู
ว่าคุณตาบ้านโน้นท่านใช้มา
ให้ซื้่อผ้าเนื้อดีสักสี่คู่
ทำแลแลแก้ถุงนับเงินดู
ให้พอรู้ก็รัดเข้าเสียใหม่
ทำพูดจาว่าผ้านี้ดีหนักหนา
แต่คุณตาท่านยังหาเห็นไม่
ราคาผ้าของท่านสักเท่าไร
ข้าไหนบอกแล้วจะกลับมา
นางชาวแพว่าผ้าชนิดนี้
ไม่มีที่ไหนดอกนะท่านขา
จะซื้อหาหรือจะบอกซึ่งราคา
นางแม่ค้าผ่านต่อหัวร่อกัน
แต่พอลงราคาว่าจะซื้อ
แล้วกลับถือถุงเงินที่ขยัน
ขยับตัวลงเรือด้วยเร็วพลัน
ถ้าดิฉันไปแล้วจะกลับมา
พายไปหน่อยหนึ่งพอลับกลับคืน
เอาถุงใส่ลูกปืนมาวางว่า
เอานี่ไว้ใช้เถิดนะแม่เอาผ้ามา
จะไปให้คุณตาดูให้เต็มใจ
นางชาวแพส่งผ้าให้สี่ผืน
มันก็คืนไปหายหาเห็นไม่
คอยแลแลแก้ถุงดูข้างใน
ก็ตกใจว่ากูนี่เสียกล
ซื่อนักมักเสียด้วยคนคด
มันช่างปดนี่กระไรอ้ายหน้าขน
อ้ายชาติข้าช่างมาต้ังสามคน
แต่ละคนล้วนทำทีผู้ดีมา ฯ
(ข้อ๑๔) อ้ายคนหนึ่งยักย้ายอุบายกล
เห็นสองคนลาวเหนือเดินมาหน้า
เข้าพูดผลอล่อลวงเป็นมารยา
ว่าท่านมาแต่ไหนทั้งสองนาย
เจ้าสองคนบอกว่ามาแต่เหนือ
มันก็ตามถึงเรือแพของขาย
แล้วก็พูดต่างต่างตามแยบคาย
กล่าวอุบายให้สนิทเป็นมิตรกัน
ว่าข้าเคยขึ้นไปอยู่อัตรา
เที่ยวค้าขายสินค้าอยู่ที่นั่น
ก็ขอผูกไมตรีเป็นเพื่อนกัน
ไม่ช้าพลันจะขึ้นไปเยี่ยมเยือน
ท่าบ้านขึ้นลงไปตรงไหน
ข้าจะไปถามหาละเลื่อนเปื้อน
อยากจะใคร่รู้แห่งตำแหน่งเรือน
สักสองเดือนเพื่อนเราจะพบกัน
พอถึงร้านตีนตะพานวัดสระเกศ
ก็ก่อเหตุเกิดโกงขึ้นที่น่ั่น
จีงว่าเพื่อนหยุดก่อนอย่าช้าพลัน
เราชวนกันกินขนมให้สบาย
ข้าส่งเงินเขาถือติดมือมา
กินน้ำยาเถิดหรือซื้อง่ายง่าย
จึงพากันน่ังทั้งสามนาย
ว่าแม่ยายฉันจะซื้อขนมจีน
ท่านจะซื้อเท่าไรนั่นเขาพ่อ
ฉันจะซื้อว่าจะพอกันทั้งสิ้น
ทั้งสามนายก็แก้ขยายขนมกิน
อ้ายสามลิ้นมันก็แลดูตะวัน
ว่าเวลาก็พอควรจวนจะเพล
ออชีต้นของเจ้าเณรอยู่ที่นั่น
จะเอาไปถวายให้ท่านฉัน
เห็นจะทันดอกกระมังท่านยายขา
ดูตะวันทีจะทันอยู่ดอกพ่อ
เจ้าจะเอากี่ห่อจงบอกข้า
สักเฟื้องหนึ่งเถิดนะแม่อย่าให้ช้า
หยิบโต๊ะมาใส่ไปเห็นจะดี
ยายศรัทธาพาซื่อคิดไม่ทัน
จึงเรียกกันว่าเอาโต๊ะออกมานี่
ช่วยจัดแจงแต่ให้เขาที
เห็นพอแล้วก็ส่งให้ทันใด
เจ้าตัวดีได้โต๊ะก็ออกมา
ก็บอกว่ากุฎิไม่ใกล้ไกล
ถวายแล้วก็จะกลับมาบัดใจ
เจ้ากินไปพลางเถิดนะเพือนเรา
ว่าพลางทางก็แลดูตะวัน
เอ๊ะไม่ทันดอกกระมังนะพ่อเจ้า
จึงยกโต๊ะเดินเดาะมาเยาะเยา
ก็ข้ามเข้าในวัดลัดเล่งไป
เจ้าชาวเหนือเชื่อคำทั้งสองคน
ไม่รู้แห่งรู้หนวา่ไปไหน
กินแล้วนั่งแลแลเห็นนานไป
ก็จนใจว่าข้าจะขอลา
ยายว่าเจ้านี่จะไปไหน
ข้าจะไปฟากข้างโน้นริมป่าช้า
จะไปไหนเพื่อนกันยังไม่มา
หยุดอยู่ท่ากันก่อนอย่าพึ่งไป
ไม่รู้จักรู้จี่นะแม่เถ้า
ตัวข้าเจ้าชาวเหนือไม่รู้ได้
ไม่รู้จักแห่งหนตำบลใด
สบถได้จริงเจียวทีเดียวข้า
ยายว่าข้าจะสบถไปข้างไหน
ไปเอาโต๊ะมาให้ข้าเถิดขา
เราจะบอกจริงจริงซึ่งราคา
ข้าซื้อมาสิบบาทขนาดใหญ่
เจ้าชาวเหนือเหลือคิดท้ังเหลือแค้น
ด้วยเสียทีคนแกนทีเมืองได้
ไปเอาเงินมาให้เขาเถิดหวา
ส่วนเพือนไปได้เงินมาทันที
ว่าที่นี่หลงให้หนักหนา
นี่คะแม่เถ้าเอาเงินตรา
แต่เกิดมาไม่เคยเห็นอ้ายเข็นคน ฯ
(ข้อ ๑๕) อ้ายคนหนึ่งกินฝิ่นสิ้นกระบิด
มักก็คิดเที่ยวหาอยู่เสือกสน
ได้กระทอผ้าขาดเห็นชอบกล
กับย่ามคนเขาตายสะพายมา
พบเรือพระจอดจวนจะใกล้ไป
ก็นั่งไหว้ไถ่ถามที่ริมท่า
ถามถึงที่จะไปทั้งที่มา
แล้วบอกว่าจะโดยสารเจ้าคุณไป
เอากระทอแอบวางข้างประทุน
ว่าเป็นบุญของดิฉันโดยสารได้
เจ้าคุณเรานี่จะไปเวลาไร
ฉันดีใจเหมือนได้ลมนภามา
การงานนี่กระไรสุดใจเหลือ
จนสิ้นข้าวสิ้นเกลือเจ้าคุณขา
เงินฉันสามสี่บาทเอาติดมา
จะซื้อผ้าเอาไปฝากเจ้าลูกชาย
นายเรียกค่าอิฐคิดหักลด
ก็พอหมดสิ้นกันทั้งซื้อจ่าย
ยืมปัจจัยสักบาทซื้อผ้าลาย
เอาไปฝากลูกชายพอชื่นใจ
พอได้เงินมันก็ลามาทันที
ว่าร้านที่ตรงนี้หาช้าไม่
ส่วนพระสงฆ์คอยคอยเห็นช้าไป
ก็ว่านี่อย่างไรมันไม่มา
ชักกระทอมาดูไม่มีดี
แต่ล้วนผ้าของผีที่ป่าช้า
อ้ายขี้ฉ้อเอากระทอบิดตา
กูคิดว่าคนดีเข้ามาเตือน ฯ
(ข้อ๑๖) อ้ายคนหนึ่งขึ้ฉ้อต่อประสม
ช่างแต่งลมนี่กระไรไม่มีเหมือน
เดินตรงขึ้นกุฎิไม่แชเชือน
ดูเหมือนคนอย่างคุ้นเคยมา
คลานเข้าไปกราบลงให้ชิดชิด
ทำสนิทแย้มยิ้มแล้วจึงว่า
เจ้าคุณแปลกฉันหรือชื่อมา
แต่บวชได้มาหาสองสามที
ฉันขึ้นไปอยู่เหนือนานหนักหนา
พึ่งลงมาบางกอกเมื่อคราวนี้
คิดถึงเจ้าคุณนี่เต็มที
พอถึงนี่ดิฉันก็ตรงมา
ข้ารำลึกไม่ได้เลยนะเจ้า
ลูกศิษย์เราสิมากเป็นหลายหน้า
ดิฉันได้น้ำผึ้งขึ้ผึ้งมา
แต่ทว่าโต๊ะพานน้ันไม่มี
จะขอยืมเอาโต๊ะในนี้ไป
พ่อเณรใหญ่หยิบขันน้ันมานี่
พ่อลงไปด้วยกันกับฉันที
เรือจอดที่ตะพานไม่ใกล้ไกล
ครั้นลงมาถึงต้นตีนตะพาน
ก็บอกว่าดิฉันพึ่งคิดได้
ยาบุหรีได้มาเป็นไหนไหน
จะเอาไปสักตะลุ่มก็จะดี
พ่อเณรโปรดไปเอาตะลุุ่มมา
ตรงขันน้ันให้เอาไว้นี่
เจ้าเณรใหญ่ส่งขันให้ทันที
ก็วิ่งงรี่รีบไปกุฎิพลัน
หมายใจว่าจะได้บุหรี่เหนือ
ก็หลงเชื่ออ้ายคนขยัน
มันก็โผนไปเสียด้วยเร็วพลัน
ทีหลังน้ันเณรใหญ่ก็ลงมา
เที่ยวไถ่ถามตามเรือก็ไม่เห็น
เอ๊ะทำเข็ญแล้วอ้ายขี้ข้า
ก็วุ่นวายเที่ยวค้นทั่้งวัดวา
เจ้าของโต๊ะเขามาก็บอกพลัน
วันนี้ได้พบอ้ายขี้ข้า
มันช่างโผนเจ้าคุณนี่ขันขัน
ทั้งเณรคอยบุหรี่ใจดีครัน
ช่วยขนขันลงให้ไอ้คอเคย
ท่านผู้ใหญ่ก็ว่าอาอย่าวุ่นวาย
มันน่าอายเขาจริงประสกเอ๋ย
เขาจะว่าไปนี่ช่างโลภกระเลย
เหมือนไม่เคยพบคนทำกลยอ
นึกว่าทำบุญเถิดประสก
เหมือนโกหกมันช่างคิดมาขี้ฉ้อ
ถ้าตามตัวมาได้จะใส่พอ
จะตัดงอเสียให้ลือฝีมือเรา ฯ
(ข้อ๑๗) อ้ายคนหนึงคิดคดกบฎพระ
เที่ยวเกะกะกำเงินขยับเขย่า
เห็นกุฎิเด็กน้อยนั่งซืมเซา
จึงตรงเข้าไปใกล้ก็ให้ดู
แล้วถามว่าเจ้าคุณไปข้างไหน
จะเอาเงินมาให้พ่อหนู
เจ้าเด็กน้อยว่าเจ้าคุณท่านไม่อยู่
ช่วยเอ็นดูไปนิมนต์ท่านมาที
นิมนต์บังสกุลไว้ช้านาน
ไม่ว่างการพึ่งได้มาในวันนี้
ไปเถิดหนาข้าจะช่วยดูกุุฎิ
ข้าอยู่นี่แล้วที่ไหนใครจะมา
เจ้าเด็กน้อยไว้ใจว่าจริงจริง
ก็ลุกวิ่งไปบอกเหมือนคำว่า
อ้ายเจ้ากลก็ขึ้นค้นเอาผ้าตรา
พระก็มาาถึงบันไดใกล้กุฎิ
มันก็ลงจากบันไดด้วยเร็วพลัน
พระถลันเข้าจะจับมันวิ่งหนี
พระฉวยอิฐติดตามร้องจับที
เขาก็รี่เข้าไปรัดมัดตัว
พระผูกรัดมัดเฆี่ยนตลอดหลัง
ท้ังขาแขนก็ไม่ยั้งตลอดหัว
หนังถลกฟกช้ำไปทั้่งตัว
อ้ายนี่มัวข้างเก็บจึงเจ็บพอ
ครั้งหนึ่งพระจะจำวัดสงัดอยู่
มันก็ขึ้นไปหาพูดจายอ
ทำทีศิษย์สนิทสนมพอ
แล้วทำรอทีจะคลานเข้าหาครู
ชวนเข้าห้องนั่งเล่นแลเห็นผ้า
แล้วหลับตาทำนิ่งหายใจฟู่
เจ้าเด็กคิดว่าศิษย์สนิทครู
ก็ออกอยู่นอกชานสำราญใจ
มันลักผ้าคาดเอวเข้าเร็วพลัน
เอาผ้าผูกแผลแ้กสงสัย
แล้วออกมาร้องว่าจะลาไป
เวลาไหนท่านจะคืนมา
ลงกุฎิรีบลัดไม่ลารอ
อ้ายนี่คอเคยลักมาหนักหนา
เจ้าเด็กเราเล่าไว้เป็นราคา
อย่าคบคาคนขึ้นกุฎิ ฯ
(ข้อ๑๘) เจ้าสำนวนทำกลเป็นแยบคาย
กล่าวอุบายหลอกลวงไปตามที่
เอาง่าเถะห่อใส่ในสำลี
ว่าพระนี้่เขาฝากดิฉันมา
เจ้าของขัดเข้าเขาจะขาย
จะเอาเงินไปให้นายที่ตีนท่า
พระหลงเชื่อซื่อเก็บไว้บูชา
ด้วยเจตนาหลงซื้อจึงเสียการ
บ้างก็เขี้ยวหมูมาอุดอัด
แล้วผูกรัดถักเกลียวเกี่ยวประสาน
บ้างก็เอาหินผาศิลาดาน
มาทำเทียมสัณฐานเป็นเครื่องราง
ลางทีเอาเงี้ยวงามมาทำคด
แล้วกล่่าวปดด้วยอุบายเป็นหลายอย่าง
อันโกหกแยบคายเป็นหลายทาง
ถ้ารู้บ้างแล้วจึงพ้นจากกลมัน
ถ้าหลงกลแล้วจะเสียเป็นแม่นมั่น
เรากล่าวกลอนสอนใจไว้ทุกอัน
แต่ล้วนขันไปทุกข้อแต่พอมี
อันคนเราเจ้าเล่ห์มิสุดแสน
ถ้ามันแกนแล้วก็ยิ่งภูตผี
ทั้งลวงล่อฉ้อฉลทำกลดี
เห็นสุดทีทีจะหยั่งน้ำใจคน
ถึงนักปราชญ์ที่ฉลาดเฉลียวคิด
ก็หยั่งจิตไม่ได้เห็นหน
แต่จะดีทีระวังระไวตน
จึ่งใคร่พ้นคนหลอกที่ซอกซอน
ลางทีเล่าก็เสียเพราะคนซื่อ
ไปเชื่อถือคนคดสบถร่อน
มันกล่าวยอล่อลวงแล้วไหว้วอน
ช่วยแก้ร้อนมันก็ร้อนอยู่ปลายมือ
ถึงเพื่อนผูกสังขารคณามิตร
ถ้าสิ้นคิดมันก็คดเอาซื่อซื่อ
ต้องเสียทรัพย์ยับยุบจนสิ้นมือ
เพราะพาซื่อถือกันว่ามันดี
มันทอดสนิทคิดล่อแต่พอได้
ครั้้นทุกข์ภัยใกล้เคียงก็เลี่ยงหนี
จะหาซื่อสัตย์ตรงที่คงดี
เห็นท่วงที่ที่จะได้ไม่มากมาย
อันพ่อแม่ครูบานี้สุดแสน
ถึงทุกข์โทษคับแค้นไม่หนีหาย
สู้เสียทรัพย์ยับเยินทั้งร่างกาย
ลางทีตายเสียด้วยลูกไม่หลีกเลย
อันสัตว์ในแดนดินสิ้นทุกตัว
ถ้าลูกแล้วดีชั่วไม่เพิกเฉย
แต่ลูกรักนี่มันไม่เห็นเลย
จึงเพิกเฉยลืมคุณที่เลี้ยงมา
หนึ่งคำสอนพ่อแม่ที่แท้เที่ยง
มันหลีกเลี่ยงเสียไม่แต่สักท่า
ถึงคำครูผู้สอนที่หลังมา
เณรใหญ่อยู่วัดวาค่ำเที่ยว
เรียนวิชาความรู้แต่สิ่งเดียว
คิดซ่อนเกี้ยวสีกาจนไหนไหน
ลางทีต่อยตีกันเพราะหมองใจ
จนก่อใหญ่เกิดการกุลีลาม
ลางทีเที่ยวเกี้ยวกันเป็นสวาท
พยาบาทตีกันจนเกิดห้าม
ต้องร้องฟ้องหมองทั่วทั้่งอาราม
ก็เพราะความวิปริตเล่นผิดคน ฯ
( ข้อ ๑๙) ยังอีกเหล่าเจ้าหัวไม่้ใจทมิฬ
เที่ยวซอกซอนนอนกินทุกแห่งหน
ดูแต่การงานสนุกทุกตำบล
ทำให้คนเขาระอาเพราะกล้ามือ
คุมกินเหล้าแล้วเที่ยวมา
ทำเร่ร่าด่าไปด้วยใจดื้อ
เห็นคนเปรียวเที่ยวมาเข้ายุคมือ
จะรับหรือเราจะลองให้ดูดี
ลางทีเรียงเคียงเข้ากระทบไหล่
แล้วร้องว่าอย่างไรที่ไหนนี่
ทำพาโลทีจะต่อยปะเตะตี
ข้างคนดีคนเดียวก็จนใจ
แกล้งกระทำให้เขาลือฝีมือพาล
ให้ขย้านกลัวเกรงจนไหนไหน
ที่จะลักจะได้ไปสบายใจ
ที่จะไปจะได้ไปสบายตัว
เจ้าลางคนซนเที่ยวในอาวาส
ทำอำนาจอวดมือให้ลือทั่ว
เจ้าเณรเล็กเด็กใหญ่ไม่เกรงกลัว
ขอฝากตัวเข้าเป็น้องสนิทกัน
ลอบไปหาท่าเที่ยวให้เพลิดเพลิน
จนห่างเหินเล่าเรียนไม่ใฝ่ฝัน
ลักเงินทองของใช้และแพรพรรณ
ให้เพื่อนกันซื้ัอขายจำหน่ายกิน
ข้างครูซื่อถือว่าลูกศิษย์ตรง
มันปลงลอบขนเอาจนสิ้น
มันลักเลี้ยงพวกเพื่อนเป็็นอาจิณ
ทั้งเหล้าฝิ่นกัญชาทุกหน้าไป
เวลาค่ำกลางคืนเที่ยวยืนซุ่ม
เห็นคนซุ่่มแล้วเลี่ยงไปเคียงใกล้
เห็นคนเดียวเปลี่ยวฉกเอาผ้าไป
เจ้าของไล่เพื่อนกันก็กั้นกาง
ลางทีถือมีดไม้และขวานหมู
เที่ยวเร่อยู่กลางถนนที่คนห่าง
เห็นได้ทีตีฟันคนเดินทาง
เป็นโจรกลางบ้านเมืองจนเลื่องลือ
ลางทีเล่าเข้าปล้นตำบลบ้าน
แล้วเที่ยวผ่านหนีไปไม่อึงอื้อ
จับตัวได้ติดไม้สนับมือ
ก็บอกชื่อชัดคนจนสิ้นกัน
เหล่าตำรวจไล่ค้นตำบลบ้าน
จับตัวมาถึงศาลแล้วจำมั่น
ส่งคุกเฆี่ยนใช้ไปทุกคืนวัน
ก็เพราะมันทำเองไม่เกรงใคร
จะร่ำเรืองคนพาลสันดานคด
เห็นไม่หมดสิ้นลงที่ตรงไหน
เอาแต่ฟังรู้เป็นครูไว้
จะร่ำไปก็เป็นพ้นปัญญาญาณ
จงดูเอาบ้างเถิดเจ้าลูกศิษย์
แล้วจงคิดถึงคำที่สอนสาร
อย่าหลงกลคนชั่วสันดานพาล
จงตริการตรองอยู่ให้จงดี
อันบิดามารดาอาจารย์ครู
ย่อมเห็นรู้จึงสอนไว้ถ้วนถีึ
จงอุตส่าห์ประพฤติที่ความดี
ที่ชั่วหนีเสียให้ไกลอย่าใกล้เลย
อันเบี้ยฝิ่นกัญชาสุราร้าย
เป็นเหตุให้ฉิบหายนะท่านเอ๋ย
คนดีดีท่านไม่ชอบอารมณ์เลย
เพราะท่านเคยเห็นแล้วแต่หลังมา
แต่เสียทรัพย์ยับยุบเพราะบ่อนเบี้ย
จนขายลูกขายเมียเสียหนักหนา
เจ้ายาฝิ่นเล่นก็รักเต็มตำรา
เจ้ากัญชาเล่าก็เชือนไม่มีดี
เจ้าน้ำเมาเล่าก็มักเกิดความ
เขายิ่งห้ามก็ยิ่งฮึกไม่ถอยหนี
ทั้งสี่สิ่งยิ่งร้ายในโลกีย์
ถ้ารักดีแล้วก็อย่ากระทำเลย ฯ
๐ กัญชายาฝิ่นเบี้ย น้ำเมา
สี่สิ่งใครดูเบา ยับหย่อย
อาศัยอยู่ในเขา บ่ชอบ
ยุบยับนับด้วยร้อย เที่ยงแท้แลเห็น ฯ
๐ กัญชาพาอกแห้ง แรงถอย
กินเหล้ามักตึต่อย ต่อสู้
สูบฝิ่นสิ้นเล็กน้อย บ่เลือก แลนา
เบี้ยเล่นหลงห่อนรู้ ยากแล้วแลเห็น ฯ
๐ สุราร้ายฤทธิ์เหี้ยม ฮึกฮัก
ยาฝิ่นสิ้นอัฐลัก ท่านแฮ้
กัญชาชาติเชื้อชัก โฉดเฉา แลนา
เบี้ยบ่อนเบียดเบียนแท้ ปราชญ์ยอ่ม ยอมหนี ฯ
๐ กัญชาพายากได้ เพราะเซอะ
กินเหล้าเมาหยำเยอะ ยากแท้
เบี้ยบ่อนหมดเงินเงอะ นั่งง่วง
สูบฝิ่นสิ้นทรัพย์แพ้ เพราะซื้อแพงเงิน ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์เศร้า โศกฮือ
ยาฝิ่นสิ้นทรัพย์รื้ัอ ลักแฮ้
กัญชานั่งตาปรีอ ลืมเลอะ แลนา
กินเหล้าเมามืดแท้ ชาติเชื้อชายพาล ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์แค้น ขุ่นเคือง
กินเหล้าเมามึนเปลือง ทุกมื้อ
กัญชาชักงุ่นเงื่อง โฉดเฉา
สูบฝิ่นสิ้นทรัพย์ซื้อ อดเงี่ยนตายเอย ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์หย่อย ยุบยับ
สูบฝิ่้นสิ้นหมดทรัพย์ เพราะซื้อ
กัญชาชักเชือมหลับ หลีกเลี่ยง การแฮ
กินเหล้าเมาอึงอืัอ อวดโอ้โวหาร ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์เศร้า โศกโซ
กินเหล้าเมาโมโห ฮึกฮัก
กัญชาเที่ยวโกโร ซุ่มเซอะ แลนา
ฝิ่นรัดตัดชีพแม้ แม่นแท้แลเห็น ฯ
จบบริบูรณ์
๐ จะกล่าวกลอนสอนสุู่ทุกหมํู่ศิษย์
จงฟังคำจำไว้ให้เป็นนิจ
อุตส่าห์คิดข้อความไปตามกลอน
อันสัญชาตินักเลงไม่ใช่ชั่ว
แต่ล้วนตัวปลิ้นปลอกทั้งหลอกหลอน
ทนสบดปดไปไม่แน่นอน
ทำยอกย้อนแยบคายเป็นหลายลม
ทำปรานีที่รักนี่นักหนา
กล่าววาจาป้อยอต่อประสม
เรียกพ่อพ่อล่อให้หลงลม
แต่พอซมมันก็ซ้ำจนสิ้นตัว
ที่ใครรวยก็ช่วยเอาใจใส่
ทำอาลัยตามส่งแล้วยิ้มหัว
ว่าพ่อนี้มีดีเป็นพ้นตัว
อันกำุถั่วแล้วมีจะดีพอ
อย่าไปเล่นบ่อนอื่นเลยนะเจ้า
เล่นบ่อนเราเถิดดีไม่มีฉ้อ
วันพ่ร่งนี้เชิญมาอย่ารารอ
จะคอยพ่อกว่าจะสิ้นเวลากาล
ไม่เห็นไปก็จะให้คนมาชวนชัก
พอเห็นพักตรก็เข้าเชิญด้วยคำหวาน
พ่อไปไหนจึงไม่มาเป็นช้านาน
สักกระดานเถิดนะพ่ออย่ารอเลย
ทำเข้าทุกหนุนไว้แต่พอเพลิน
ถ้าเห็นเกินแล้วก็บอกออกตัวเฉย
ชาตินักเลงแล้วก็เหลืออย่าเชื่อเลย
เป็นคนเคยพูดจามารยายอ
ลางคนซื่อถือว่าเป็นพวกเพื่อน
มันกลับเฉือนเอาไปบาทเสียอ้อต้อ
ทำหน้าจนต้องจำระยำพอ
เพราะเชื่อพ่อหรือมิใช่อ่ายเจ๊กอื้อ
บ้างวางโขลงโยงคลอพอเข่้าบ่อน
เอาบี้ผ่อนส่งไว้ให้ช่วยถือ
แล้วแทงก่อนผ่อนส่งจนเต็มมือ
ทำหารือว่าจะแทงก็ตามใจ
เอาบี้เราที่เจ้าถือน้ันแทงเถิด
ถ้าถั่วเกิดแล้วก็ตามอัชฌาศัย
ถึงเสียเล่าก็ไม่เอาให้เจ้าใช้
อย่าตกใจเลยนะเจ้าจงแทงลง
ที่เสียเล่าก็ไม่เอาเหมือนปากว่า
ที่ได้มาเล่าก็ให้ให้ใจหลง
พอเห็นควรแล้วก็ชวนให้นั่งลง
แล้วยุส่งให้เข้ากำจนเกินการ ฯ
๐ อีกอย่างหนึ่งพึงรู้เป็นครูไว้
มันเที่ยวไปต้ังบ่อนตำบลบ้าน
เห็นผู้ดีมีทรัพย์เข้ากราบกราน
เอาคาวหวานเข้าไปล่อแต่พองง
ขอตั้งบ่อนลงได้ดั่งใจนึก
แล้วตรองตรึกที่จะให้เจ้าบ้านหลง
ทำพูดจาพาทีให้งวยงง
เชิญให้ลงไปบ่อนแล้วผ่อนปรน
ทำอุบายแยบคายเป็นหลายท่า
เหมือนที่ว่าแล้วแต่ข้างต้น
ให้เจ้าบ้านเสียทรัพย์จนอับจน
แล้วเป็นคนปลิ้นปลอกทำซอกซอน ฯ
(ข้อ ๑) ลางทีก็ลงทุนให้กินเหล้า
แต่พอเมาจับตาพาเข้าบ่อน
ว่าเล่นเสียให้สนุกอย่าทุกขฺ์ร้อน
เองทำก่อนเถิดข้าจะช่วยแจง
เจ้าคนเมาเข้ากำทำตาเฟือน
กระจายเบี้ยเลื่อนเปื้อนไปทุกแห่ง
เจ้าคนดีร้องว่าท่านที่แทง
ข้าจะแจงเอานะเจ้าจะติดใจ
พอแจงออกบอกว่าเบี้ยนี้ตาย
อย่าวุ่นวายนะเพื่อนจงกำใหม่
ท่านนายบ่อนโปรดก่อนจงรองไป
ไม่เป็นไรเจ้าคนนี้มีอันกิน
เจ้าหัวเบี้ยซ้อมค้างจนเกินตัว
เจ้าตามัวก็เข้ารับเอาหมดสิ้น
ช่วยกันสวดบวชเสียด้วยลมลิ้น
จนหมดสิ้นข้าวของต้องจำนำ
ลางทีเล่าเล่นตรุษสงกรานต์ส่ง
แล้วต้ังวงเล่นเลยไปยังค่ำ
เพลินเล่นเบี้ยเสียทรัพย์ยับระยำ
เพราะไม่จำคำครูผู้สอนมา
หนึ่งแปะโปแปดเก้านั้นเล่าหนอ
ช่างขี้ฉ้อหลอกลวงนี่หนักหนา
มันเข้ากันทั้งวงอย่าสงกา
แต่สองตานี่จะดูที่ไหนทัน
ทำพูดกันเหมือนยังฉันว่าคน (ซื่อ)
แต่ไม่มือท่วงทีดีขยัน
ทั่้งคำไพล่ไว้เม็ดเป็นสำคัญ
รู้ไม่ทันมันทำเสียกำเดียวๆ
(ข้อ ๒) ยังพวกฝิ่นกินยาทำหน้าซื่อ
ไม่อึงอื้อเหมือนกันคนไม่รู้เที่ยว
ทำเดินเลาะเดาะไปแต่ผู้เดียว
เห็นทีเปลี่ยวแล้วก็นั่งชำเลืองแล
ถ้าเห็นเด็กเดินมาทำปราศรัย
เห็นผู้ใหญ่แล้วนิ่งไม่แยแส
ทำพูดจางุบงิบขยิบแล
มานี่แน่ข้าจะบอกที่ของดี
เอายาฝิ่นส่งให้เห็นพอหอมหอม
แล้วกล่าวกล่อมว่าจะลองก็มานี่
ไม่รู้รสหรือน้องเป็นของดี
ลองสักทีเถิดนะพ่อเป็นไรมี
มันต้ังเพียรเวียนรอบมาหาบ่อย
เอาของเล่นเล็กน้อยมาอ่อยให้
ล่อให้เชื่องแล้วก็ชักให้ติดใจ
เที่ยวคบไว้พอได้กินเมื่อสิ้นอด
เจ้าเด็กรักลักส่งไม่วายวัน
ทั้งผ้าผ่อนจอกขันมันไม่ลด
ทั้งพ่อแม่พี่น้องเงินทองหมด
ด้วยมันอดเข้าไม่ได้อายใจจน
มันรักเพื่อนยิ่งกว่าพ่อไอ้คอยา
ถึงครูบาก็ไม่เว้นทำเข็ญคน
เห็นพอได้แล้วไพล่เอาบัดดล
ลางทีซนเข้าไปสูบที่เรือนเซ
ลางทีซ่อนอาศัยในกุฎิเก่า
เข้านั่งซึมนอนเซาอ้ายเจ้าเล่ห์
ทำพูดจางุบงิบไม่ฮาเฮ
แต่พอเย็นแล้วก็เร่ออกเที่ยวราย
ทำไปมาหาสู่คนน้ันนี้
พอได้ทีแล้วก็ลักเอาง่ายง่าย
เที่ยวดูของมองไว้แล้วเวียนชาย
คิดอุบายหมายมุ่งเขม้นเอา
แต่พอค่ำเข้าได้น้ำใจมา
ทั้งหูตาก็สว่างอย่างนกเค้า
เที่ยวเร่ลักผ้าผ่อนคนนอนเซา
ทั้งบินเข้าเรือนแพพอแก้คอ
ทั้งกระดานฝาผ้าชาวเรือ
ทั้งห่อเสื้อไม่เหลือหลอ
คร้ันว่าหมดอดเงี่ยนเหียนใจคอ
น้ำตาล่อเสียดท้องเอามือกุม
ให้ลงเป็นบิดปิดไม่หาย
เอายาฝิ่นละลายพอชื่นชุ่ม
แต่อดตายเสียเช่นนี้ก็มีชุม
แต่หนุ่มหนุ่มมิได้ควรจะถึงกาล ฯ
(ข้อ ๓) ถึงพวกเหล่ากัญชาทำหน้าเซอะ
ขี้ฟันเลอะอกแห้งมักอยากหวาน
ทำตาปริอลือกันประสาพาล
ไม่ทำการเที่ยวกินกัญชาเชือน
เอาไฟดุ้นเข้าจ่อชักคอโก่ง
พอตกเพลาะแล้วก็ส่งให้พวกเพื่อน
ทำหน้าเงยเหมือนจะเสยเอาดวงเดือน
ใครทำเหมือนแล้วก็ชมกันว่าดี
บ้างอัดอั้นควันไว้มิใคร่ปล่อย
เรียกทองย้อยต้ังน้ำไปตามที่
เรียกมังกรล่อแก้วน้้นก็มี
ทำท่วงทีส่ายหน้าท่ามังกร
ควันกัญชาเข้าคอหัวร่อแห้ง
ทั้งเรี่ยวแรงเล่าก็หมดมือตีนอ่อน
ทำตาเล็กซืมเซาเหมือนหาวนอน
แลเห็นขอนก็ว่าคนซนหนีไป
แลเห็นเชือกก็ว่างูมิรู้จัก
ใครร้องทักก็ให้กลัวไม่อยํู่ได้
เห็นมือชี้เล่าก็หนีออกไปไกล
ให้ตกใจเหมือนต้ังจ่อเข้าตรงตา ฯ
(ข้อ ๔) ยังพวกโจรใจดื้ออวดมือดี
เที่ยวลอบลี้ฉกชิงวิ่งเอาผ้า
เห็นที่เปลี่ยวเที่ยวคอยคนเดินมา
เห็นชอบท่าแล้วก็ชิงวิ่งหนีไป
ลางทีเห็นเด็กน้อยใส่ปิ่นปัก
ทำเดินเคียงเข้าไปซักเอาจนได้
ลางทีทำพูดผลอล่อเอาไป
ตัดกำไรตีนมือแล้วปล่อยมา ฯ
(ข้อ ๕) ยังพวกหนึ่งขี้ฉ้อทำล่อหลอก
มันปลิ้นปลอกลวงเอาเป็นหลายเท่า
เห็นพระสงฆ์บิณฑบาตท่านเดินมา
ทำมารยานิมนต์เหมือนคนดี
ว่าคุณยายจะถวายซึ่งข้าวสงฆ์
นิมนต์คุณเดินตรงขึ้นเรือนนี้
รับบาตรได้ไพล่รัดไปทันที
พระสงฆ์รี่ขึ้นเรือนแล้วนั่งลง
เจ้าเรือนรู้ให้รีบไปตามหา
ว่าใครมาแต่ไหนมาลวงสงฆ์
อ้ายขี้ฉ้อลวงเอาตรงตรง
มันจะลงนรกตกอเวจี ฯ
(ข้อ ๖) คนหนึ่งเล่าเอาหมากใส่จอกมา
กล่าวมารยาว่าดิฉันตกเวจขี้
จะขอรดน้ำมนต์พ้นอัปรีย์
ยังสองทีสิ้นจังไรไป
ได้ห้าวัดแล้วเจ้าคุณเอาบุญเถิด
เหมือนดังโปรดให้เกิดเอาชาติใหม่
จะขอยืมเอาบาตรเจ้าคุณไป
ได้ตักน้ำมาให้ทำน้ำมนต์
พระพาซื่อส่งบาตรให้ทันที
บัดเดียวใจมันก็หนีไม่เห็นหน
อ้ายเจ้าเล่ห์ล่อลวงเป็นหลายกล
แต่ล้วนคนคอฝิ่นกินสุรา ฯ
(ข้อ ๗) อ้ายคนหนึ่งนั่งหน้าศาลาน้ำ
เห็นเขาทำทอดกล้วยอยู่ฉ่าฉ่า
คิดได้การแล้วก็กล่าวเป็นมารยา
ว่าได้ยินเข้าว่าน่าสงสัย
กระทะทอดกล้วยต้ั้งดังท่านทำ
อ้ายเจ้ากรรมมันลักเอาไปได้
นางแม่ค้าร้องว่าทำอย่างไร
มันบอกไปว่าจะทำให้ท่านดู
ส่งพายมาให้เถิดข้าจะทำ
นางเจ้ากรรมสงสัยจะใคร่รํู้
หยิบพายส่งจงใจจะใคร่ดู
มันคอนหูพาหายไปทันที ฯ
(ข้อ๘) อ้ายเด็กหนึ่งเที่ยวเดินตามตะพาน
ทำอาการร้องไห้อยํู่อู้อี้
พระไปสรงน้ำคิดปราณี
ว่าอ้ายนี่อยู่ที่ไหนร้องไห้มา
มันบอกว่าพ่อข้ามาบางกอก
เขาชวนบอกว่าจะพามาหา
ฉันไม่รู้เล่ห์กลคนมารยา
ลงเรือมากับเขาไม่เข้าใจ
พระต้นมีจิตคิดสงสาร
มานี่หลานกูจะคิดช่วยแก้ไข
จะไปหรือจะฝากเขาขึ้นไป
แต่จนใจด้วยยังไม่มีเรือ
เอ็งอยู่กับกูก่อนเถิดนะหลาน
จะโดยสารที่ไหนเขาจะเชื่อ
อยู่สักสามสี่วันพอได้เรือ
กินข้าวเกลือเสียให้อิ่มอย่าตกใจ
อ้ายลูกเจ้ามารยาทำหน้าเศร้า
กินข้าวเหมือนจะกลืนลงไม่ได้
ชีต้นปลอบว่าเอ็งอย่าเสียใจ
กินเข้าไปให้อิ่มเถิดหลานชาย
คร้ันรุ่งเช้าก็เข้าไปบิณฑบาตร
อ้ายมารยามันก็กวาดเอาง่ายง่าย
ครั้นกลับมาเรียกหาเห็นผ้าหาย
ทีนี้ร้ายแล้วสิเราอ้ายเจ้ากล ฯ
(ข้อ๙) อ้ายคนหนึ่งตัวดีเห็นสีกา
ถือพานหมากขึ้นมาเข้าตามก้น
ทำอย่างสุกรสารเข้าปลอมพล
เข้าปนอยู่กับเขาที่เข้ามา
สีกาส่งเภสัชให้ประเคน
แล้วพวกเณรกลับคืนมาตีนท่า
มันทำดีที่ตามเขาลงมา
พอลับตาแล้วก็กลับเข้าไปใหม่
ว่าท่านใช้ให้เอาพานลงไปด้วย
เจ้าคุณช่วยโปรดไถ่ส่งมาให้
พอได้พานแล้วก็ลงบันไดไป
อ้ายจังไรเช่นนี้ก็ดีพอ ฯ
(ข้อ๑๐) อีกคนหนึ่งเป็นหญิงยิ่งขยัน
ช่างพูดจาแปรผันเชิงขึ้ฉ้อ
ทั้งน้ำคำเล่าก็เพราะเสนาะพอ
ทำไปรออยู่ที่ร้านบ้านผู้ดี
ว่าดิฉันจะเอาของมากราบเท้าท่าน
แต่โต๊ะพานไม่ได้มาหน้าบัดสี
จะได้โต๊ะที่ไหนใส่มาดี
เอ็นดูทีเถิดนะแม่ช่วยแก้ไข
นางหนึ่งนั่งอยู่ที่ร้านคิดว่าจริง
ให้คนวิ่งไปเอาโต๊ะมาส่งให้
ถามว่าท่านจะเอาสักกี่ใบ
จงบอกไปเถิดนะเจ้าของเรามี
อีมารยาว่าคุณคู่หนึ่งพอ
อ้อไข่เต่าเล่าหนอไม่มีที่
ถ้าได้พานอีกสักใบเห็นจะดี
แม่คนนี้ไปด้วยฉันช่วยกันมา
นางผู้ใหญ่ใช้กลับไปเอาพาน
มาส่งให้ที่ร้านแล้วจึงว่า
เองไปด้วยช่วยท่านขนเอามา
อีมารยามันก็เห็นจะเหลือมือ
จึงยืมเอากระจาดเจ้าของร้าน
ใส่โต๊ะพานพาซื่อ
อีลาวว่ามาข้าจะช่วยถือ
จะช่วยหรือเอาพานนี่แน่ไป
คร้ันมาถึงท่าน้ำตะพานมอญ
ว่าหยุดก่อนคอยเรือประเดียวใจ
อีลาววางพานส่งเบี้ยให้
ว่าเจ้าไปซื้อหมากมิทันมา
อีมารยามันก็ยกเอาไปสิ้น
อีเจ้ากรรมทำกลเที่ยวหากิน
มันสุดสิ้นข้อคดขี้ปดคน ฯ
(ข้อ๑๑) คนหนึ่งต่อเรือฟืนถามราคา
แล้วว่าข้าจะพาขึ้นไปขน
เอ็นดูด้วยแจวไปบ้านบน
ให้นับขนแล้วจึงคิดราคากัน
ครั้นถึงที่จอดท่าเดินขึ้นไป
ถามว่าท่านไปไหนเจ้าคุณฉัน
เอาฟืนมากราบเท้าสักสองพัน
พ่อคนน้ันช่วยไปเรียนท่านสักที
ที่จริงใจมันรู้ว่าไปวัง
แต่แกล้งกล่าวปิดบังไปตามที่
เจ้าลูกชายก็วิ่งไปทันที
ว่าเมื่อกี้เขาจะมาหาเจ้าคุณ
ท่านผู้หญิงร้องว่ามาทำไม
เขาเอาฟืนมาให้สองพันดุ้น
อีเด็กเด็กคนไรอยู่ใต้ถุน
อย่าเล่นวุ่นลงไปบอกเขาขึ้นมา
เจ้าคนลวงได้ทีก็ขึ้นไป
คำนับไหว้แล้วหมอบลงตรงหน้า
ว่าดิฉันเป็นบ่าวของคุณมา
ก็ตั้งหน้าทำมาหากินไป
กว่าสามปีนี้แล้วเจ้าประคุณ
พึ่งใบบุญคุณพ่อพอหาได้
ดิฉันค่อยคลายจนสบายใจ
เอาฟืนรอนมาให้สองพัน
ยังข้าวของอยู่ที่เรือตรงนี้ข้าม
จะเอามาก็ไม่งามในใจฉัน
ให้ขนฟืนไปพลางจะช้าวัน
ตัวดิฉันจะไปเอาข้าวของมา
ขอยืมโต๊ะโตกพานสักห้าใบ
จะเอาไปใส่ของพองามหน้า
ท่านผู้หญิงก็ให้คนขนลงมา
มันก็ลาลงจากเรือนลงมาเรือ
ร้องว่าให้เขาขนขึ้นไปก่อน
ฟืนรอนนี้กระไรดุ้นใหญ่เหลือ
ข้าข้ามไปเอาของที่ในเรือ
เห็นจะเหลือโต๊ะพานที่เอามา
ลงเรือน้อยข้ามตรงไปสูญหาย
ตะวันบ่ายแล้วก็วุ่นกันหนักหนา
ทั้งเจ้าฟืนก็จะเอาซึ่งราคา
ทั้งเจ้าคุณก็ออกมาจากในวัง
ท่านผู้หญิงเสียใจทำหน้าจน
ว่าอ้ายคนที่ไหนอ้ายขี้ถัง
ช่างมาหลอกสดสดปดตังตัง
ใครรู้มั่งว่ามันอยู่ตำบลใด
จะเสียเงินสักเท่าไรก็เสียไป
ข่วยเอาตัวมาให้กูเถิดหวา
กูจะเฆี่ยนให้ระยำเหลือแต่ตา
เอ็นดูข้าช้วยตามดูตามจน
ทั้งพวกเหล่าบ่าวไพร่ก็วุ่นวาย
มันน่าอายนี่กระไรทุกเส้นขน
ทั้งเสียโต๊ะเสียหน้ามารยาคน
อ่้ายเจ้ากลเจ้ากรรมมันทำดี ฯ
(ข้อ๑๒) อ้ายคนหนึ่งทำทีมีศรัทธา
นั่งตีนท่าร้องถามไปตามที่
ว่าอิฐใหญ่ได้ขนาดชนิดนี้
เผาสุกดีอยู่หรือจะซื้อเอา
ถนนข้าสร้างไว้ฟากข้างโน้น
วัดประโคนหลังแพน้ันแน่เจ้า
ทำบุญด้วยกันเถิดพี่น้องเรา
เจ้าจะเอาราคาข้าเท่าไร
มอญบอกราคาพอสมควร
ทำกระบวนว่าพออัชฌาศัย
ทำบุญด้วยกันบ้างเถิดเป็นไร
แต่พอให้พระสงฆ์เดินสบาย
ต่อราคากันแล้วก็ลงเรือ
เจ้ามอญเชื่อถอยเรือรับไปง่ายง่าย
ครั้นถึงใกล้ท่าวัดที่แพราย
กล่าวอุบายบอกมอญเข้าจอดเรือ
ขึ้นซื้อผ้าบอกว่าท่านจะทำบุญ
เจ้าประคุณนี่กระไรศรัทธาเหลือ
แต่ว่าท่านจะใคร่ดูให้รู้เนื้อ
ขอยืมเรือไปหน่อยประเดียวใจ
จะใคร่ให้ท่านดูทั้งสองอย่าง
จะเอาหนาหรือบางหารู้ไม่
เรืออิฐฉันนั่นแน่ไม่เป็นไร
ฉันจะไปบัดเดียวจะกลับมา
ชาวแพเชื่อสังเกตุว่าจริงๆ
จึงเรียกอีผู้หญิงให้หยิบผ้า
แล้วใช้ให้ไปพายเอาเรือมา
ก็บอกว่าเอาเรือนี่แน่ไป
เจ้าคนร้ายลงเรือเลี้ยวหลังแพ
เห็นลับแลแล้วก็พายขยุมใหญ่
ข้างชาวแพคอยคอยเห็นช้าไป
ก็ตกใจได้คิดขึ้นทันที
ถามเรืออิฐว่าคนนั้นเขาไปไหน
เขาขึ้นไปบนเมื่อกี้นี้
ข้าเหนื่อยนั่งผินหลังอยู่ข้างนี้
ไม่รู้ที่ว่าไปข้างไหนเลย
ข้านึกว่าเจ้ามอญรู้จักกัน
คิดไม่ทันจึงให้ไปเฉยเฉย
จะทำกระไรเล่าเจ้ามอญเอย
มันหนึเลยไปแล้วอกเรา
เจ้ามอญถอยเรือออกโคลงเคลง
ชาวแพว่าเอ็งจะไปไหนเล่า
เจ้าว่าทำไมกับเรือเรา
ใครไปเอาอะไรของท่านมา ฯ
(ช้อ๑๓) เจ้าคนหนึ่งทำดีที่นาย
เด็กนั่งหัวนั่งท้ายพายเรือซ่า
เข้าแพเขาถือถุงเข้าพูดจา
ว่าแม่ขาผ้าดีมีมาดู
ว่าคุณตาบ้านโน้นท่านใช้มา
ให้ซื้่อผ้าเนื้อดีสักสี่คู่
ทำแลแลแก้ถุงนับเงินดู
ให้พอรู้ก็รัดเข้าเสียใหม่
ทำพูดจาว่าผ้านี้ดีหนักหนา
แต่คุณตาท่านยังหาเห็นไม่
ราคาผ้าของท่านสักเท่าไร
ข้าไหนบอกแล้วจะกลับมา
นางชาวแพว่าผ้าชนิดนี้
ไม่มีที่ไหนดอกนะท่านขา
จะซื้อหาหรือจะบอกซึ่งราคา
นางแม่ค้าผ่านต่อหัวร่อกัน
แต่พอลงราคาว่าจะซื้อ
แล้วกลับถือถุงเงินที่ขยัน
ขยับตัวลงเรือด้วยเร็วพลัน
ถ้าดิฉันไปแล้วจะกลับมา
พายไปหน่อยหนึ่งพอลับกลับคืน
เอาถุงใส่ลูกปืนมาวางว่า
เอานี่ไว้ใช้เถิดนะแม่เอาผ้ามา
จะไปให้คุณตาดูให้เต็มใจ
นางชาวแพส่งผ้าให้สี่ผืน
มันก็คืนไปหายหาเห็นไม่
คอยแลแลแก้ถุงดูข้างใน
ก็ตกใจว่ากูนี่เสียกล
ซื่อนักมักเสียด้วยคนคด
มันช่างปดนี่กระไรอ้ายหน้าขน
อ้ายชาติข้าช่างมาต้ังสามคน
แต่ละคนล้วนทำทีผู้ดีมา ฯ
(ข้อ๑๔) อ้ายคนหนึ่งยักย้ายอุบายกล
เห็นสองคนลาวเหนือเดินมาหน้า
เข้าพูดผลอล่อลวงเป็นมารยา
ว่าท่านมาแต่ไหนทั้งสองนาย
เจ้าสองคนบอกว่ามาแต่เหนือ
มันก็ตามถึงเรือแพของขาย
แล้วก็พูดต่างต่างตามแยบคาย
กล่าวอุบายให้สนิทเป็นมิตรกัน
ว่าข้าเคยขึ้นไปอยู่อัตรา
เที่ยวค้าขายสินค้าอยู่ที่นั่น
ก็ขอผูกไมตรีเป็นเพื่อนกัน
ไม่ช้าพลันจะขึ้นไปเยี่ยมเยือน
ท่าบ้านขึ้นลงไปตรงไหน
ข้าจะไปถามหาละเลื่อนเปื้อน
อยากจะใคร่รู้แห่งตำแหน่งเรือน
สักสองเดือนเพื่อนเราจะพบกัน
พอถึงร้านตีนตะพานวัดสระเกศ
ก็ก่อเหตุเกิดโกงขึ้นที่น่ั่น
จีงว่าเพื่อนหยุดก่อนอย่าช้าพลัน
เราชวนกันกินขนมให้สบาย
ข้าส่งเงินเขาถือติดมือมา
กินน้ำยาเถิดหรือซื้อง่ายง่าย
จึงพากันน่ังทั้งสามนาย
ว่าแม่ยายฉันจะซื้อขนมจีน
ท่านจะซื้อเท่าไรนั่นเขาพ่อ
ฉันจะซื้อว่าจะพอกันทั้งสิ้น
ทั้งสามนายก็แก้ขยายขนมกิน
อ้ายสามลิ้นมันก็แลดูตะวัน
ว่าเวลาก็พอควรจวนจะเพล
ออชีต้นของเจ้าเณรอยู่ที่นั่น
จะเอาไปถวายให้ท่านฉัน
เห็นจะทันดอกกระมังท่านยายขา
ดูตะวันทีจะทันอยู่ดอกพ่อ
เจ้าจะเอากี่ห่อจงบอกข้า
สักเฟื้องหนึ่งเถิดนะแม่อย่าให้ช้า
หยิบโต๊ะมาใส่ไปเห็นจะดี
ยายศรัทธาพาซื่อคิดไม่ทัน
จึงเรียกกันว่าเอาโต๊ะออกมานี่
ช่วยจัดแจงแต่ให้เขาที
เห็นพอแล้วก็ส่งให้ทันใด
เจ้าตัวดีได้โต๊ะก็ออกมา
ก็บอกว่ากุฎิไม่ใกล้ไกล
ถวายแล้วก็จะกลับมาบัดใจ
เจ้ากินไปพลางเถิดนะเพือนเรา
ว่าพลางทางก็แลดูตะวัน
เอ๊ะไม่ทันดอกกระมังนะพ่อเจ้า
จึงยกโต๊ะเดินเดาะมาเยาะเยา
ก็ข้ามเข้าในวัดลัดเล่งไป
เจ้าชาวเหนือเชื่อคำทั้งสองคน
ไม่รู้แห่งรู้หนวา่ไปไหน
กินแล้วนั่งแลแลเห็นนานไป
ก็จนใจว่าข้าจะขอลา
ยายว่าเจ้านี่จะไปไหน
ข้าจะไปฟากข้างโน้นริมป่าช้า
จะไปไหนเพื่อนกันยังไม่มา
หยุดอยู่ท่ากันก่อนอย่าพึ่งไป
ไม่รู้จักรู้จี่นะแม่เถ้า
ตัวข้าเจ้าชาวเหนือไม่รู้ได้
ไม่รู้จักแห่งหนตำบลใด
สบถได้จริงเจียวทีเดียวข้า
ยายว่าข้าจะสบถไปข้างไหน
ไปเอาโต๊ะมาให้ข้าเถิดขา
เราจะบอกจริงจริงซึ่งราคา
ข้าซื้อมาสิบบาทขนาดใหญ่
เจ้าชาวเหนือเหลือคิดท้ังเหลือแค้น
ด้วยเสียทีคนแกนทีเมืองได้
ไปเอาเงินมาให้เขาเถิดหวา
ส่วนเพือนไปได้เงินมาทันที
ว่าที่นี่หลงให้หนักหนา
นี่คะแม่เถ้าเอาเงินตรา
แต่เกิดมาไม่เคยเห็นอ้ายเข็นคน ฯ
(ข้อ ๑๕) อ้ายคนหนึ่งกินฝิ่นสิ้นกระบิด
มักก็คิดเที่ยวหาอยู่เสือกสน
ได้กระทอผ้าขาดเห็นชอบกล
กับย่ามคนเขาตายสะพายมา
พบเรือพระจอดจวนจะใกล้ไป
ก็นั่งไหว้ไถ่ถามที่ริมท่า
ถามถึงที่จะไปทั้งที่มา
แล้วบอกว่าจะโดยสารเจ้าคุณไป
เอากระทอแอบวางข้างประทุน
ว่าเป็นบุญของดิฉันโดยสารได้
เจ้าคุณเรานี่จะไปเวลาไร
ฉันดีใจเหมือนได้ลมนภามา
การงานนี่กระไรสุดใจเหลือ
จนสิ้นข้าวสิ้นเกลือเจ้าคุณขา
เงินฉันสามสี่บาทเอาติดมา
จะซื้อผ้าเอาไปฝากเจ้าลูกชาย
นายเรียกค่าอิฐคิดหักลด
ก็พอหมดสิ้นกันทั้งซื้อจ่าย
ยืมปัจจัยสักบาทซื้อผ้าลาย
เอาไปฝากลูกชายพอชื่นใจ
พอได้เงินมันก็ลามาทันที
ว่าร้านที่ตรงนี้หาช้าไม่
ส่วนพระสงฆ์คอยคอยเห็นช้าไป
ก็ว่านี่อย่างไรมันไม่มา
ชักกระทอมาดูไม่มีดี
แต่ล้วนผ้าของผีที่ป่าช้า
อ้ายขี้ฉ้อเอากระทอบิดตา
กูคิดว่าคนดีเข้ามาเตือน ฯ
(ข้อ๑๖) อ้ายคนหนึ่งขึ้ฉ้อต่อประสม
ช่างแต่งลมนี่กระไรไม่มีเหมือน
เดินตรงขึ้นกุฎิไม่แชเชือน
ดูเหมือนคนอย่างคุ้นเคยมา
คลานเข้าไปกราบลงให้ชิดชิด
ทำสนิทแย้มยิ้มแล้วจึงว่า
เจ้าคุณแปลกฉันหรือชื่อมา
แต่บวชได้มาหาสองสามที
ฉันขึ้นไปอยู่เหนือนานหนักหนา
พึ่งลงมาบางกอกเมื่อคราวนี้
คิดถึงเจ้าคุณนี่เต็มที
พอถึงนี่ดิฉันก็ตรงมา
ข้ารำลึกไม่ได้เลยนะเจ้า
ลูกศิษย์เราสิมากเป็นหลายหน้า
ดิฉันได้น้ำผึ้งขึ้ผึ้งมา
แต่ทว่าโต๊ะพานน้ันไม่มี
จะขอยืมเอาโต๊ะในนี้ไป
พ่อเณรใหญ่หยิบขันน้ันมานี่
พ่อลงไปด้วยกันกับฉันที
เรือจอดที่ตะพานไม่ใกล้ไกล
ครั้นลงมาถึงต้นตีนตะพาน
ก็บอกว่าดิฉันพึ่งคิดได้
ยาบุหรีได้มาเป็นไหนไหน
จะเอาไปสักตะลุ่มก็จะดี
พ่อเณรโปรดไปเอาตะลุุ่มมา
ตรงขันน้ันให้เอาไว้นี่
เจ้าเณรใหญ่ส่งขันให้ทันที
ก็วิ่งงรี่รีบไปกุฎิพลัน
หมายใจว่าจะได้บุหรี่เหนือ
ก็หลงเชื่ออ้ายคนขยัน
มันก็โผนไปเสียด้วยเร็วพลัน
ทีหลังน้ันเณรใหญ่ก็ลงมา
เที่ยวไถ่ถามตามเรือก็ไม่เห็น
เอ๊ะทำเข็ญแล้วอ้ายขี้ข้า
ก็วุ่นวายเที่ยวค้นทั่้งวัดวา
เจ้าของโต๊ะเขามาก็บอกพลัน
วันนี้ได้พบอ้ายขี้ข้า
มันช่างโผนเจ้าคุณนี่ขันขัน
ทั้งเณรคอยบุหรี่ใจดีครัน
ช่วยขนขันลงให้ไอ้คอเคย
ท่านผู้ใหญ่ก็ว่าอาอย่าวุ่นวาย
มันน่าอายเขาจริงประสกเอ๋ย
เขาจะว่าไปนี่ช่างโลภกระเลย
เหมือนไม่เคยพบคนทำกลยอ
นึกว่าทำบุญเถิดประสก
เหมือนโกหกมันช่างคิดมาขี้ฉ้อ
ถ้าตามตัวมาได้จะใส่พอ
จะตัดงอเสียให้ลือฝีมือเรา ฯ
(ข้อ๑๗) อ้ายคนหนึงคิดคดกบฎพระ
เที่ยวเกะกะกำเงินขยับเขย่า
เห็นกุฎิเด็กน้อยนั่งซืมเซา
จึงตรงเข้าไปใกล้ก็ให้ดู
แล้วถามว่าเจ้าคุณไปข้างไหน
จะเอาเงินมาให้พ่อหนู
เจ้าเด็กน้อยว่าเจ้าคุณท่านไม่อยู่
ช่วยเอ็นดูไปนิมนต์ท่านมาที
นิมนต์บังสกุลไว้ช้านาน
ไม่ว่างการพึ่งได้มาในวันนี้
ไปเถิดหนาข้าจะช่วยดูกุุฎิ
ข้าอยู่นี่แล้วที่ไหนใครจะมา
เจ้าเด็กน้อยไว้ใจว่าจริงจริง
ก็ลุกวิ่งไปบอกเหมือนคำว่า
อ้ายเจ้ากลก็ขึ้นค้นเอาผ้าตรา
พระก็มาาถึงบันไดใกล้กุฎิ
มันก็ลงจากบันไดด้วยเร็วพลัน
พระถลันเข้าจะจับมันวิ่งหนี
พระฉวยอิฐติดตามร้องจับที
เขาก็รี่เข้าไปรัดมัดตัว
พระผูกรัดมัดเฆี่ยนตลอดหลัง
ท้ังขาแขนก็ไม่ยั้งตลอดหัว
หนังถลกฟกช้ำไปทั้่งตัว
อ้ายนี่มัวข้างเก็บจึงเจ็บพอ
ครั้งหนึ่งพระจะจำวัดสงัดอยู่
มันก็ขึ้นไปหาพูดจายอ
ทำทีศิษย์สนิทสนมพอ
แล้วทำรอทีจะคลานเข้าหาครู
ชวนเข้าห้องนั่งเล่นแลเห็นผ้า
แล้วหลับตาทำนิ่งหายใจฟู่
เจ้าเด็กคิดว่าศิษย์สนิทครู
ก็ออกอยู่นอกชานสำราญใจ
มันลักผ้าคาดเอวเข้าเร็วพลัน
เอาผ้าผูกแผลแ้กสงสัย
แล้วออกมาร้องว่าจะลาไป
เวลาไหนท่านจะคืนมา
ลงกุฎิรีบลัดไม่ลารอ
อ้ายนี่คอเคยลักมาหนักหนา
เจ้าเด็กเราเล่าไว้เป็นราคา
อย่าคบคาคนขึ้นกุฎิ ฯ
(ข้อ๑๘) เจ้าสำนวนทำกลเป็นแยบคาย
กล่าวอุบายหลอกลวงไปตามที่
เอาง่าเถะห่อใส่ในสำลี
ว่าพระนี้่เขาฝากดิฉันมา
เจ้าของขัดเข้าเขาจะขาย
จะเอาเงินไปให้นายที่ตีนท่า
พระหลงเชื่อซื่อเก็บไว้บูชา
ด้วยเจตนาหลงซื้อจึงเสียการ
บ้างก็เขี้ยวหมูมาอุดอัด
แล้วผูกรัดถักเกลียวเกี่ยวประสาน
บ้างก็เอาหินผาศิลาดาน
มาทำเทียมสัณฐานเป็นเครื่องราง
ลางทีเอาเงี้ยวงามมาทำคด
แล้วกล่่าวปดด้วยอุบายเป็นหลายอย่าง
อันโกหกแยบคายเป็นหลายทาง
ถ้ารู้บ้างแล้วจึงพ้นจากกลมัน
ถ้าหลงกลแล้วจะเสียเป็นแม่นมั่น
เรากล่าวกลอนสอนใจไว้ทุกอัน
แต่ล้วนขันไปทุกข้อแต่พอมี
อันคนเราเจ้าเล่ห์มิสุดแสน
ถ้ามันแกนแล้วก็ยิ่งภูตผี
ทั้งลวงล่อฉ้อฉลทำกลดี
เห็นสุดทีทีจะหยั่งน้ำใจคน
ถึงนักปราชญ์ที่ฉลาดเฉลียวคิด
ก็หยั่งจิตไม่ได้เห็นหน
แต่จะดีทีระวังระไวตน
จึ่งใคร่พ้นคนหลอกที่ซอกซอน
ลางทีเล่าก็เสียเพราะคนซื่อ
ไปเชื่อถือคนคดสบถร่อน
มันกล่าวยอล่อลวงแล้วไหว้วอน
ช่วยแก้ร้อนมันก็ร้อนอยู่ปลายมือ
ถึงเพื่อนผูกสังขารคณามิตร
ถ้าสิ้นคิดมันก็คดเอาซื่อซื่อ
ต้องเสียทรัพย์ยับยุบจนสิ้นมือ
เพราะพาซื่อถือกันว่ามันดี
มันทอดสนิทคิดล่อแต่พอได้
ครั้้นทุกข์ภัยใกล้เคียงก็เลี่ยงหนี
จะหาซื่อสัตย์ตรงที่คงดี
เห็นท่วงที่ที่จะได้ไม่มากมาย
อันพ่อแม่ครูบานี้สุดแสน
ถึงทุกข์โทษคับแค้นไม่หนีหาย
สู้เสียทรัพย์ยับเยินทั้งร่างกาย
ลางทีตายเสียด้วยลูกไม่หลีกเลย
อันสัตว์ในแดนดินสิ้นทุกตัว
ถ้าลูกแล้วดีชั่วไม่เพิกเฉย
แต่ลูกรักนี่มันไม่เห็นเลย
จึงเพิกเฉยลืมคุณที่เลี้ยงมา
หนึ่งคำสอนพ่อแม่ที่แท้เที่ยง
มันหลีกเลี่ยงเสียไม่แต่สักท่า
ถึงคำครูผู้สอนที่หลังมา
เณรใหญ่อยู่วัดวาค่ำเที่ยว
เรียนวิชาความรู้แต่สิ่งเดียว
คิดซ่อนเกี้ยวสีกาจนไหนไหน
ลางทีต่อยตีกันเพราะหมองใจ
จนก่อใหญ่เกิดการกุลีลาม
ลางทีเที่ยวเกี้ยวกันเป็นสวาท
พยาบาทตีกันจนเกิดห้าม
ต้องร้องฟ้องหมองทั่วทั้่งอาราม
ก็เพราะความวิปริตเล่นผิดคน ฯ
( ข้อ ๑๙) ยังอีกเหล่าเจ้าหัวไม่้ใจทมิฬ
เที่ยวซอกซอนนอนกินทุกแห่งหน
ดูแต่การงานสนุกทุกตำบล
ทำให้คนเขาระอาเพราะกล้ามือ
คุมกินเหล้าแล้วเที่ยวมา
ทำเร่ร่าด่าไปด้วยใจดื้อ
เห็นคนเปรียวเที่ยวมาเข้ายุคมือ
จะรับหรือเราจะลองให้ดูดี
ลางทีเรียงเคียงเข้ากระทบไหล่
แล้วร้องว่าอย่างไรที่ไหนนี่
ทำพาโลทีจะต่อยปะเตะตี
ข้างคนดีคนเดียวก็จนใจ
แกล้งกระทำให้เขาลือฝีมือพาล
ให้ขย้านกลัวเกรงจนไหนไหน
ที่จะลักจะได้ไปสบายใจ
ที่จะไปจะได้ไปสบายตัว
เจ้าลางคนซนเที่ยวในอาวาส
ทำอำนาจอวดมือให้ลือทั่ว
เจ้าเณรเล็กเด็กใหญ่ไม่เกรงกลัว
ขอฝากตัวเข้าเป็น้องสนิทกัน
ลอบไปหาท่าเที่ยวให้เพลิดเพลิน
จนห่างเหินเล่าเรียนไม่ใฝ่ฝัน
ลักเงินทองของใช้และแพรพรรณ
ให้เพื่อนกันซื้ัอขายจำหน่ายกิน
ข้างครูซื่อถือว่าลูกศิษย์ตรง
มันปลงลอบขนเอาจนสิ้น
มันลักเลี้ยงพวกเพื่อนเป็็นอาจิณ
ทั้งเหล้าฝิ่นกัญชาทุกหน้าไป
เวลาค่ำกลางคืนเที่ยวยืนซุ่ม
เห็นคนซุ่่มแล้วเลี่ยงไปเคียงใกล้
เห็นคนเดียวเปลี่ยวฉกเอาผ้าไป
เจ้าของไล่เพื่อนกันก็กั้นกาง
ลางทีถือมีดไม้และขวานหมู
เที่ยวเร่อยู่กลางถนนที่คนห่าง
เห็นได้ทีตีฟันคนเดินทาง
เป็นโจรกลางบ้านเมืองจนเลื่องลือ
ลางทีเล่าเข้าปล้นตำบลบ้าน
แล้วเที่ยวผ่านหนีไปไม่อึงอื้อ
จับตัวได้ติดไม้สนับมือ
ก็บอกชื่อชัดคนจนสิ้นกัน
เหล่าตำรวจไล่ค้นตำบลบ้าน
จับตัวมาถึงศาลแล้วจำมั่น
ส่งคุกเฆี่ยนใช้ไปทุกคืนวัน
ก็เพราะมันทำเองไม่เกรงใคร
จะร่ำเรืองคนพาลสันดานคด
เห็นไม่หมดสิ้นลงที่ตรงไหน
เอาแต่ฟังรู้เป็นครูไว้
จะร่ำไปก็เป็นพ้นปัญญาญาณ
จงดูเอาบ้างเถิดเจ้าลูกศิษย์
แล้วจงคิดถึงคำที่สอนสาร
อย่าหลงกลคนชั่วสันดานพาล
จงตริการตรองอยู่ให้จงดี
อันบิดามารดาอาจารย์ครู
ย่อมเห็นรู้จึงสอนไว้ถ้วนถีึ
จงอุตส่าห์ประพฤติที่ความดี
ที่ชั่วหนีเสียให้ไกลอย่าใกล้เลย
อันเบี้ยฝิ่นกัญชาสุราร้าย
เป็นเหตุให้ฉิบหายนะท่านเอ๋ย
คนดีดีท่านไม่ชอบอารมณ์เลย
เพราะท่านเคยเห็นแล้วแต่หลังมา
แต่เสียทรัพย์ยับยุบเพราะบ่อนเบี้ย
จนขายลูกขายเมียเสียหนักหนา
เจ้ายาฝิ่นเล่นก็รักเต็มตำรา
เจ้ากัญชาเล่าก็เชือนไม่มีดี
เจ้าน้ำเมาเล่าก็มักเกิดความ
เขายิ่งห้ามก็ยิ่งฮึกไม่ถอยหนี
ทั้งสี่สิ่งยิ่งร้ายในโลกีย์
ถ้ารักดีแล้วก็อย่ากระทำเลย ฯ
๐ กัญชายาฝิ่นเบี้ย น้ำเมา
สี่สิ่งใครดูเบา ยับหย่อย
อาศัยอยู่ในเขา บ่ชอบ
ยุบยับนับด้วยร้อย เที่ยงแท้แลเห็น ฯ
๐ กัญชาพาอกแห้ง แรงถอย
กินเหล้ามักตึต่อย ต่อสู้
สูบฝิ่นสิ้นเล็กน้อย บ่เลือก แลนา
เบี้ยเล่นหลงห่อนรู้ ยากแล้วแลเห็น ฯ
๐ สุราร้ายฤทธิ์เหี้ยม ฮึกฮัก
ยาฝิ่นสิ้นอัฐลัก ท่านแฮ้
กัญชาชาติเชื้อชัก โฉดเฉา แลนา
เบี้ยบ่อนเบียดเบียนแท้ ปราชญ์ยอ่ม ยอมหนี ฯ
๐ กัญชาพายากได้ เพราะเซอะ
กินเหล้าเมาหยำเยอะ ยากแท้
เบี้ยบ่อนหมดเงินเงอะ นั่งง่วง
สูบฝิ่นสิ้นทรัพย์แพ้ เพราะซื้อแพงเงิน ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์เศร้า โศกฮือ
ยาฝิ่นสิ้นทรัพย์รื้ัอ ลักแฮ้
กัญชานั่งตาปรีอ ลืมเลอะ แลนา
กินเหล้าเมามืดแท้ ชาติเชื้อชายพาล ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์แค้น ขุ่นเคือง
กินเหล้าเมามึนเปลือง ทุกมื้อ
กัญชาชักงุ่นเงื่อง โฉดเฉา
สูบฝิ่นสิ้นทรัพย์ซื้อ อดเงี่ยนตายเอย ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์หย่อย ยุบยับ
สูบฝิ่้นสิ้นหมดทรัพย์ เพราะซื้อ
กัญชาชักเชือมหลับ หลีกเลี่ยง การแฮ
กินเหล้าเมาอึงอืัอ อวดโอ้โวหาร ฯ
๐ เล่นเบี้ยเสียทรัพย์เศร้า โศกโซ
กินเหล้าเมาโมโห ฮึกฮัก
กัญชาเที่ยวโกโร ซุ่มเซอะ แลนา
ฝิ่นรัดตัดชีพแม้ แม่นแท้แลเห็น ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น