สมเด็จทรงไตรจีวร ๓ ผืน
สมเด็จทรงไตรจีวร
๓ ผืน คือสบง สำหรับนุ่ง จีวร สำหรับห่ม สังฆาฏิสำหรับพาดไหล่ มีผ้ารัดประคต
คาดอกกันสังฆาฏิหลุด เวลาอยู่วัดท่านจะห่มจีวรลดไหล่
เวลาออกนอกเขตวัดท่านจะมีสังฆาฏิพาดไหล่ และห่มคลุม เมื่อเข้าเขตวัด จึงลดไหล่ลงมา
ท่านห่มไตรจีวรแบบมหานิกายมาตลอด
เพราะท่านบวชในคณะมหานิกายเดิมที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
สมัยนั้นยังไม่มีคณะธรรมยุติ วัดอินทรวิหารหรือวัดบางขุนพรหมที่เคยจำพรรษา
และวัดระฆังเป็นวัดมหานิกายมาแต่เดิม ท่านไม่เคยบวชแปลงเป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกายเพื่อเอาใจพระจอมเกล้าฯ
อย่าว่าแต่บวชเพื่อเอาพระทัยพระเจ้าแผ่นดินเลย ท่านกล้าขัดขวาง ท่านกล้าสอนธรรมะทางอ้อมแก่พระราชาธิราชเสียอีก
จนพระจอมเกล้าฯ ทรงยกให้เป็นบาปมุติ คือไม่มีบาปไม่มีโทษ
พระองค์อื่นไม่มีใครกล้าประพฤติเหมือนท่าน
สมเด็จฯ
ท่านบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านประพฤติตามใจชอบของท่าน
เพื่อปรารถนาพระโพธิญาณ แม้ทุกวันนี้ก็มีพระสมภารเจ้าวัดบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์อยู่อีกมาก
คือพระสมภารตามบ้านนอกทั่วไป ต้องบำเพ็ญบารมี สงเคราะห์สัตว์ผู้ยาก
ต้องเป็นที่พึ่งของเขายามทุกข์ ตัวอย่างเรื่องนี้มีไม่เฉพาะแต่พระไทยเราเท่านั้น
แม้พระมอญก็ต้องปฏิบัติ เช่นพระอุตมะ พระมอญที่อพยพหนีสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาจากพม่า
แทบว่าจะถูกฆ่าตายเสียหลายครั้ง มีชาวมอญมาขอของดีจากท่าน ท่านว่าไม่มีให้ดอก
เขาก็จะเอาให้ได้ จึงให้เขาไปเก็บเอาก้อนกรวดมา
ท่านก็ตั้งจิตอธิษฐานเอาคุณพระรัตนตรัยมาเป็นที่พึ่ง เอาความสัจจริงมาเป็นที่ตั้ง
เสกก้อนกรวดแจกเขาไป พวกมอญก็เอาก้อนกรวดไปเป็นเครื่องรางรักษาตัวก็รอดปลอดภัยอันตราย
หรืออย่างพระภิกษุ พระยานรรัตน์ราชมานิต
(ตรึก จินตยานน์) เมื่อพระราชปัญญาโกศล (ทองสุก ขาวผ่อง) สร้างโรงเรียนที่นครนายก
สร้างเหรียญรูปของพระธัมมวิตกฺโกภิกขุ (คือพระภิกษุพระยานรรัตน์ราชมานิต)
ให้ท่านปลุกเสก ท่านก็ตั้งจิตอธิษฐานปลุกเสกให้
พระนั้นก็ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสของมหาชนมาก
พระอรัญญวาสีนั้นมักไปพบชาวบ้านมาขอของดีจากท่านเสมอ ท่านจึงมักต้องประพฤติตนเป็นพระขลังด้วยการเสกพระเครื่องให้
สมเด็จพระพุฒาจารย์ท่านก็เป็นพระธุดงค์เดินป่ามาก่อน
ท่านจึงต้องสร้างพระเครื่องที่เรียกว่าพระสมเด็จแจกไปมากมาย
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น