วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

อุตตริมนุสสธรรม ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ตอน ต้องบอกลาพระปลัดก่อน


ต้องบอกลาพระปลัดก่อน
ในสมัยหนึ่ง สมเด็จได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์แล้ว ในตราตั้งกำหนดไว้ว่า ให้มีฐานานุศักดิ์ ตั้งพระฐานานุกรมช่วยทำกิจพระศาสนาได้ ๘ องค์ คือ
๑.พระครูปลัดสัมพิพัฒน์
๒.พระครูวินัยธรรม
๓.พระครูธรรมธร
๔.พระครูสัททสุนทร
๕.พระครูอมรโฆษิต
๖.พระครูสมุห์
๗.พระครูใบฎีกา
๘.พระครูธรรมรักขิต
ท่านก็ตั้งพระในวัดระฆังนั้นเป็นพระครูครบตำแหน่งฐานานุกรม ที่ท่านให้ตั้งพระฐานานุกรมนี้ ท่านเลียนแบบในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่นั้น ทรงตั้งพระอสีติมหาสาวก ๘๐ องค์ เป็นพระธรรมเสนาและจัดพระให้นั่งเฝ้าเป็นรูปดาวล้อมเดือน ๘ ทิศ ๘ องค์ คือ
๑.สารีปุตโต จะ ทักขิเณ พระสารีบุตรนั่งข้างขวา
๒.ปัจฉิเม จะ อานันโท พระอานนท์นั่งข้างหลัง
๓.อุตตเร จะ โมคคัลลาโน พระโมคคัลลานะ นั่งข้างซ้าย
๔.โกณฑัญโญ ปุรภาเค พระโกณฑัญญะ นั่งข้างหน้า
๕.พายัพเพ จะ ควัมปติ พระควัมปติ นั่งทิศพายัพ
๖.อุบาลี หรติฏฐาเน พระอุบาลี นั่งทิศหรดี
๗.อาคเณยเย จะ กัสสโป พระมหากัสสปะ นั่งทิศอาคเนย์
๘.ราหุโล เจวะ อิสาเณ พระราหุล นั่งทิศอิสาณ

เราตั้งกันมานานเนจนลืมประเพณีที่มาของเรื่องพระฐานานุกรมเสียแล้ว

เวลาสมเด็จท่านไปไหน ท่านจะบอกลาพระปลัดก่อนเสมอ พระในวัดจะไปไหน ให้บอกลาพระปลัดด้วย เวลากลับมาให้มาบอกพระปลัดว่ากลับมาแล้ว

วันหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ไปในงานพระราชพิธีในวัง พระปลัดไม่อยู่วัด ท่านจึงรอบอกพระปลัดก่อน จนเลยเวลามาก พอเข้าไปในวัง พระจอมเกล้าฯ ก็ทรงถามว่าทำไมมาช้านัก ท่านทูลว่า ต้องรอบอกพระปลัดก่อน


“กุปปธัมโม อกุปปธัมโม”
“ฌานเสื่อมได้ในบุคคลที่ควรเสื่อม ฌานไม่เสื่อมในบุคคล
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น