จุดไต้ไปที่ตำหนักสมเด็จเจ้าพระยา
เมื่อพระจอมเกล้าฯ
สวรรคตด้วยไข้มาลาเรีย หลังจากไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาจับหมดดวงที่ตำบลหว้ากอ
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ กลับมาถึงกรุงเทพฯ ได้ ๗
วัน ก็ประชวรหนัก พร้อมด้วยพระเจ้าลูกยาเธอ กรมขุนพินิตประชานารถ
(คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ) ประชวรได้ประมาณเดือนกว่า ก็เสด็จสวรรคต
เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑
พระจอมเกล้าฯ
ประสูติวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีชวด สวรรคตวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ
เดือน ๑๑ ปีมะโรง คือประสูติ และสวรรคตในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑
ตรงกันตามที่ทรงอธิษฐานไว้ (เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า ประสูติและปรินิพพานในวันขึ้น
๑๕ ค่ำเดือน ๖ ตรงกันหมดทั้งวันตรัสรู้ นับว่าเป็นมหาบุรุษ)
ในสมัยนั้นพวกตระกูล
บุนนาค กำลังมีอิทธิพลมากมาแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ แล้ว พอรัชกาลที่ ๓ สวรรคต
พวกตระกูลบุนนาค ก็อัญเชิญพระวชิรญาณภิกขุ คอืพระจอมเกล้าฯ เสวยราชสมบัติ
พระจอมเกล้าฯ ยังไม่มีกำลังมากนัก นอกจากกำลังทางพระ
แต่อาศัยพระปรีชาสามารถอันสุขุมอย่างวิเศษ จึงสามารถรักษาราชบัลลังก์ไว้ได้
โดยตั้งให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)
เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ตั้งให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัศ บุนนาค)
เป็นผู้สำเร็จราชการพระนคร ตั้งให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
เป็นเจ้าพระยากลาโหม
ในสมัยนั้นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเลื่องลือกันว่าจักเกิดการผลัดแผ่นดินเป็นวงศ์บุนนาค
แต่ไม่มีใครจะเข้ามาแก้ไขเหตุการณ์นี้ได้ ล้วนแต่กลัวตายกันทั้งนั้น
สมเด็จพระพุฒาจารย์ท่านก็ร้อนใจกลัวบ้านเมืองจะรบราฆ่าฟันกันด้วยเหตุแย่งราชสมบัติ
ท่านจึงลงเรือมาที่ตำหนักสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
พร้อมทั้งจุดไต้ถือมาด้วย
เมื่อได้ขึ้นบนตำหนักของผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว
พบหน้าท่านเจ้าคุณใหญ่เจ้าของตำหนัก ท่านก็กล่าว่า
“เขาลือกันว่าบ้านเมืองมืดมนนัก
จึงมาถามข่าวท่านเจ้าคุณ ว่าจะเท็จจริงประการใด...”
“บ้านเมืองไม่มืดมนดอก
ตราบใดที่กระผมยังอยู่ รับรองว่าบ้านเมืองไม่มีมืดมน...”
“เมื่อเจ้าคุณรับรองเช่นนี้แล้ว
อาตมาก็สบายใจ จึงขอลากลับวัด...”
ว่าแล้วท่านก็ดับไต้
ลงจากตำหนักผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไป
ที่ท่านกล้าทำอย่างนี้
เพราะไม่มีใครจะดับไฟนี้ได้เลย
ท่านจุดไต้ไปตำหนักของสมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
เพื่อจะเตือนใจท่านผู้มีอำนาจว่าเทวทูตมาเตือนท่าน
ปากพระปากเจ้าอย่างท่านศักดิ์สิทธิ์
อาจจะทำให้เกิดวิบัติแก่ผู้คิดร้ายต่อบ้านเมือง ถ้าหากท่านมีโมหจริตคิดการใหญ่
ก็ขอให้ยุติเสีย หรือหากท่านรับรองกับพระไว้แล้วไม่รักษาสัจวาจา ท่านก็จะมีอันตราย
อีกประการหนึ่ง ถ้าหากว่าสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
ไม่ได้คิดขบถจริงตามข่าวลือ ก็จะเป็นการดับข่าวลือเสีย ทำให้เจ้านายขุนนางสบายใจ
นี่คือการช่วยชาติศาสนาของท่านตามแบบแผนของพระโพธิสัตว์สร้างบารมี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น